สวนดุสิตโพล เผยประชาชนอยากเห็นนักการเมืองมีความปรองดองกันอย่างแท้จริงแล้วร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้เต็มความสามารถ มีความจริงใจ ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากและกลัวจะเป็นเรื่องการฮั้วกันมากกว่า
"จากวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติและส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนไทยอย่างมาก แม้ว่าสถานการณ์ ณ วันนี้ ดูเหมือนว่าจะคลี่คลายลง โดยหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องพยายามที่จะร่วมมือกันโดยใช้แนวทางปรองดองเพื่อลดความขัดแย้งทางสังคม และตั้งความหวังไว้ที่นักการเมือง เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องต่อการพัฒนาประเทศโดยตรง หากนักการเมืองมีความสามัคคีปรองดองกันก็จะส่งผลต่อความมั่นคงและความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
โดยกลุ่มตัวอย่าง 30.54% อยากเห็นนักการเมืองทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้เห็นผลงานออกมาอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน รองลงมา 26.29% อยากเห็นนักการเมืองพูดคุยกันด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์มาเป็นเครื่องตัดสิน, 19.73% อยากเห็นนักการเมืองร่วมกิจกรรมเพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เช่น การแข่งขันกีฬา กิจกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อสาธารณประโยชน์, 12.81% อยากเห็นนักการเมืองทุกฝ่ายออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าจะซื่อสัตย์ ปรองดองและทำงานเพื่อบ้านเมือง และ 10.63% อยากเห็นนักการเมืองลงพื้นที่พบปะพูดคุยขอความร่วมมือจากประชาชนให้เป็นหูเป็นตา ดูแลความสงบเรียบร้อยในชุมชนที่อาศัยอยู่
กลุ่มตัวอย่าง 73.04% เชื่อว่าหากนักการเมืองสามารถปรองดองกันได้จริงจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น เพราะจะได้ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน บรรยากาศบ้านเมืองจะได้สงบสุข การบริหารประเทศทุกด้านต้องอาศัยนักการเมือง แต่กลุ่มตัวอย่างอีก 17.39% เห็นว่าคงเหมือนเดิมเพราะไม่เชื่อว่าจะปรองดองกันได้จริง เหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมา การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ และกลุ่มตัวอย่างที่เหลือ 9.57% เชื่อว่าแย่ลงเพราะไม่มีการคานอำนาจหรือตรวจสอบการทำงานซึ่งกันและกันของนักการเมือง
กลุ่มตัวอย่าง 64.28% กลัวว่าการปรองดองของนักการเมืองจะกลายเป็นการฮั้วกัน เพราะอาจเป็นเกมการเมืองที่ร่วมกันสร้างภาพเพื่อให้ประชาชนเชื่อใจและไว้วางใจ อีก 35.72% ไม่กลัวเป็นการฮั้วกันเพราะคิดว่านักการเมืองแต่ละกลุ่มมีความคิดเห็นต่อบ้านเมืองที่แตกต่างกันมาก นักการเมืองต่างฝ่ายต่างมีจุดยืนที่ชัดเจนเป็นของตนเอง
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่าง 66.07% เชื่อว่านักการเมืองคงปรองดองกันได้ยากและปรองดองกันไม่ได้เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมที่จะลดราวาศอกกัน ดูเหมือนยังเล่นเกมการเมืองกันอยู่ เป็นความขัดแย้งที่ร้าวลึกยากที่จะประสานให้ดีกันได้ การเปลี่ยนความคิดของนักการเมืองเป็นเรื่องยาก มีกลุ่มตัวอย่างเพียง 33.93% ที่เชื่อว่าคงปรองดองกันได้เพราะนักการเมืองจะต้องเรียกความศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมา และหวังว่าจะพัฒนาการเมืองไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ทุกคนต่างได้รับผลกระทบของความขัดแย้งที่นำมาซึ่งความเสียหายอย่างมาก เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์สำหรับคนไทยและการเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่าง 37.98% อยากฝากให้นักการเมืองมีความจริงใจ ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ, 20.12% อยากให้นักการเมืองแก้ปัญหาต่างๆด้วยสติและเหตุผลแทนการใช้อารมณ์หรือกำลัง, 14.90% อยากให้นักการเมืองมองว่าทุกคนมีสายเลือดของความเป็นไทยเหมือนกัน, 13.61% อยากให้นักการเมืองลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชน ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ รับฟังเรื่องราว ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ด้วยตนเอง และ 13.39% อยากให้นักการเมืองความร่วมมือในทุกเรื่องที่จะช่วยให้ความขัดแย้งในสังคมไทยลดลงได้ ทำให้การเมืองไทยเป็นการเมืองที่ดี
ทั้งนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นดังกล่าวจากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,282 คน ระหว่างวันที่ 23-25 พ.ค.ที่ผ่านมา