นายกฯ ยันรัฐบาลไม่ได้กล่าวหาประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย

ข่าวการเมือง Wednesday May 26, 2010 11:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกรัฐมนตรี ระบุรัฐบาลไม่เคยกล่าวหาประชาชนที่มาร่วมชุมนุมเรียกร้องด้วยความบริสุทธิใจกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง โดยปราศจากอาวุธว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่มีกลุ่มคนร้ายที่มีอาวุธเข้ามาแอบแฝงอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อคอยก่อเหตุรุนแรง

"รัฐบาลเข้าใจและยอมรับสิทธิของพี่น้องประชาชนที่มาชุมนุมด้วยความเข้าใจว่ามาเรียกร้องสิ่งที่เป็นความถูกต้อง ความเป็นธรรม และประชาธิปไตย แต่ในการชุมนุม 2 เดือนที่ผ่านมามีกลุ่มคนที่มีอาวุธ และใช้อาวุธในการก่อการร้ายก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต้องแยกแยะคนสองกลุ่มนี้ออกจากกัน" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อกล่าวหาของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554

นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 ว่า รัฐบาลไม่ดำเนินการเร่งรีบอย่างผิดปกติ แต่เป็นการอำนวยความสะดวกให้ฝ่ายนิติบัญญัติได้มีเวลาในการพิจารณา เพราะถึงอย่างไรการใช้จ่ายงบประมาณก็ต้องไปเริ่มต้นวันที่ 1 ต.ค.ตามปกติ

สำหรับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น รัฐบาลได้อนุมัติมาตรการและงบประมาณช่วยเหลือไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ส่วนผลกระทบจากการประกาศเคอร์ฟิวนั้นเป็นความจำเป็นเนื่องจากยังมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ไม่หวังดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เงินจำนวน 4.5 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งยึดไว้ รัฐบาลไม่ได้นำมาใช้จ่าย แต่นำเข้าคลังเพื่อเสริมฐานะความมั่นคงทางการคลังของประเทศ และการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นบทพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ประสบความล้มเหลวตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหา

"ความจริงขณะนี้มันน่าจะพิสูจน์แล้ว จากลบ 7.1 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นการหดตัวของเศรษฐกิจที่รุนแรงมากต้นปีที่แล้ว ต้นปีนี้มันขยายตัว 12 เปอร์เซ็นต์ และทำให้เราไม่จำเป็นต้องกู้เงินตาม พ.ร.บ. 4 แสนล้านบาท เพราะฉะนั้นยุทธศาสตร์ที่ใช้การกู้ยืมเงินพิเศษมากระตุ้นเศรษฐกิจได้พิสูจน์แล้วว่าได้ผล" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

สำหรับหนี้สาธารณะที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมนั้น คิดเป็นสัดส่วน 40% ของจีดีพี ซึ่งต่ำกว่าประมาณการ ขณะที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาเรื่องหนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่สูงมาก

"บางประเทศสูงมาก เกือบ 100% หรือมากกว่า 100%(ของจีดีพี)ด้วยซ้ำ ซึ่งประเทศไทยไม่ได้เข้าสู่สถานการณ์เช่นนั้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ