นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่เป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า การที่ตนขึ้นปราศรัยบนเวทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ผ่านมานั้น เป็นการกระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจและด้วยความตั้งใจที่จะต่อต้านระบอบทักษิณ ต่อต้านการเมืองกึ่งเผด็จการที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ดึงญาติและเพื่อนฝูงมาอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญทางการเมือง และราชการ ซึ่งถือเป็นการต่อสู้ที่คนไทยต้องช่วยกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ารังเกียจหรือน่าอายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ หลังจากที่มาดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศแล้ว ก็ได้ทำหน้าที่ทุกอย่างด้วยความถูกต้องโปร่งใส ไม่ได้เล่นการเมืองนอกสภาฯ แต่ยอมรับว่าไม่สามารถตัดตัวเองออกจากประวัติศาสตร์พันธมิตรฯ ได้ ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำงานไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มากเกินไปนั้น ต้องการให้คนที่วิจารณ์มาอยู่กับตนซัก 15 ชั่วโมง เพื่อดูว่าได้ทำอะไรบ้าง
รมว.ต่างประเทศ แสดงความเห็นส่วนตัวว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ มามอบตัวตอนนี้เรื่องทั้งหมดก็จะได้จบ ไม่ต้องตามไล่ล่ากันให้เสียเวลา ส่วนที่จะต้องติดตาม พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นมี 3 ส่วน คือ สำนักงานอัยการสูงสุด, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และกระทรวงการต่างประเทศ
โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศนั้น มีกรมสนธิสัญญา กรมสารนิเทศ คอยประสานงานอยู่ และทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ซึ่งไม่สามารถเอาข้อมูลเท็จไปแจ้งกับองค์การระหว่างประเทศได้
"ผมไม่ได้เอาผู้นำฝ่ายค้านมาเป็นที่ปรึกษารัฐบาลหรือกระทรวงต่างประเทศ ผมไม่ได้แทรกแซงในกิจการภายในประเทศอื่นๆ และได้เอาความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศเป็นตัวตั้ง ไม่เอาความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นตัวตั้ง เพราะฉะนั้นจะมากล่าวหาอะไร ผมไม่รับทั้งนั้น" นายกษิต กล่าว
พร้อมเชื่อว่า ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการไป อาจจะมีบางสื่อหรือนักวิชาการ หรือสมุนรับจ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงอยู่ตลอดเวลา