นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า ความจำเป็นที่ฝ่ายค้านจะต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้บริหารประเทศให้เป็นไปตามแนวทางที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้เมื่อครั้งที่เข้ารับตำแหน่ง
โดยเฉพาะกรณีที่แถลงว่ารัฐบาลจะนำสังคมไทยกลับคืนสู่ความสมานฉันท์สามัคคีของคนในชาติให้เกิดขึ้นโดยเร็วด้วยสันติวิธี และนำประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤติ เพื่อนำพาประเทศไทยให้มั่นคงยั่งยืน ตลอดจนการรับฟังความเห็นทุกฝ่าย หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในชาติทุกกรณี
นายสุนัย กล่าวว่า จากการดำเนินการของรัฐบาลในช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายที่เคยแถลงไว้ ทั้งกรณีการสลายการชุมนุม การสั่งปิดสื่อที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ดังนั้นจึงถือว่าเป็นความชอบธรรมที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
"สัญญาประชาคมของนายกฯ คนที่ 27 กล่าวว่า ผมจะต้องยุติการเมืองที่ล้มเหลวและเป็นต้นเหตุของการแบ่งฝ่าย นำความสามัคคีกลับมา สามัคคีนำหน้า ยึดหลักยุติธรรม แต่ที่ท่านสั่งขังประชาชนก็ผิดแล้ว นี่ก็ไม่ชอบที่จะอยู่ต่อไป เพราะท่านไม่สามารถสร้างความสามัคคีได้ ยิ่งอยู่ต่อไปยิ่งร้าวลึก พรรคร่วมฯ ต้องเป็นจำเลยในประวัติศาสตร์ร่วมกัน" นายสุนัย กล่าวอภิปราย
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงแนวคิดรัฐบาลในการบริหารการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในช่วงที่ผ่านมาว่า รัฐบาลเข้าใจดีว่าการใช้อำนาจรัฐต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง และไม่เคยเชื่อว่าการใช้กำลังจะแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ พร้อมย้ำว่าไม่เคยมีแนวคิดหรือประกาศว่าคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้ายทั้งหมด หรือเกี่ยวกับกระบวนการล้มเจ้าทั้งหมด
ในทางตรงข้ามได้ย้ำเสมอตลอด 2 เดือนกว่าของการชุมนุมว่าผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีเจตนาชุมนุมโดยสงบ แม้ศาลจะชี้ว่าเป็นการชุมนุมเกินเลยขอบเขตรัฐธรรมนูญที่ต้องสงบ ปราศจากอาวุธ และไม่กระทบสิทธิของผู้อื่น พร้อมยืนยันว่าแนวปฏิบัติในเรื่องการเข้ากระชับพื้นที่หรือขอคืนพื้นที่นั้น ไม่ใช่เป็นการคิดคำขึ้นมาใหม่เพื่อตั้งใจจะหลีกเลี่ยงการใช้คำว่าสลายการชุมนุม เพราะรัฐบาลไม่มีเจตนาที่จะสลายการชุมนุมอยู่แล้ว
"แม้ศาลจะชี้แล้วว่าเลยขอบเขตรัฐธรรมนูญ ศาลแพ่งบอกว่าการสลายชุมนุมต้องจำเป็นและเหมาะสมต่อสถานการณ์ สิ่งที่รัฐบาลตัดสินใจมาตลอด และแตกต่างจากประวัติศาสตร์ คือ เราไม่มีเจตนาสลายการชุมนุมที่เป็นที่ชุมนุมหลัก คำพูดที่บอกว่าขอคืนพื้นที่ คิดว่าเราไปสรรหานั้น ไม่ใช่การคิดคำพูด แต่เป็นการวางแนวทางการปฏิบัติที่แตกต่างจากการสลายการชุมนุม" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้ใช้ความพยายามในการแก้ปัญหาทางการเมืองมาโดยตลอด แต่ก็พบว่ามีปัญหาแทรกซ้อนจากการมีกองกำลังติดอาวุธ และการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ซึ่งตรงนี้เป็นโจทย์ที่รัฐบาลต้องพยามยามแก้ไขเพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยสุด พร้อมระบุด้วยว่า มีหลายคนที่ไม่ใช่ฝ่ายรัฐบาลที่มีส่วนสำคัญในการนำพาบ้านเมืองมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือการสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคม