ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม โดยพุ่งเป้าไปที่การเปิดประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่) ระยะทาง 46 กม. มูลค่าโครงการ 36,055 ล้านบาท โดยระบุว่า มีคณะกรรมการพิจารณาการเปิดประมูลซึ่งมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังข้าราชการประจำที่ร่วมกันทุจริตด้วยการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทพวกพ้อง เช่น บมจ.ช.การช่าง(CK), บมจ.ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC) ซึ่งบริษัทเอกชนที่เข้ามาประมูลงานเหล่านี้ มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับรัฐมนตรีในรัฐบาล
อีกทั้งกรณีที่รัฐบาลชุดนี้ตัดสินใจที่จะไม่กู้เงินจากในประเทศเพื่อมาใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็จำเป็นต้องนำส่งเงินในส่วนที่ตั้งไว้เป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) คืนเข้าคลัง เพราะรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งงบไว้ 2,359 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าชำระภาษี VAT ในกรณีที่จะต้องกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศมาใช้ก่อสร้างโครงการดังกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม ยังพบว่ามีการโยกงบโครงการก่อสร้างในแต่ละสัญญาจ้าง ซึ่งการโยกงบค่าก่อสร้างจำเป็นต้องแจ้งให้บริษัทเอกชนที่ร่วมประมูลได้รับทราบก่อน หรือต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติ และหากมีงบค่าก่อสร้างที่เกินราคาในระหว่างการเจรจาต่อรอง ก็จำเป็นต้องระงับการเจรจาไว้ก่อน แต่นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ในฐานะที่กำกับดูแลการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) กลับไม่ดำเนินการใดๆ แต่กลับนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาอนุมัติเดินหน้าโครงการดังกล่าว ซึ่งทำให้ในเบ็ดเสร็จแล้วโครงการนี้ต้องใช้งบประมาณก่อสร้างเพิ่มอีก 6,000 ล้านบาท รวมเป็น 42,000 ล้านบาท
ดังนั้นจึงถือว่า นายโสภณ กระทำการอันขัดต่อมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 และกระทำผิดมาตรา 157 ในประมวลกฎหมายอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัตหน้าที่อันมิชอบ ในขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ต้องรวมรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้เซ็นเอกสารดังกล่าวตามที่นายโสภณ เสนอและนำเข้าครม. ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานในที่ประชุม ครม.ก็ต้องร่วมรับผิดด้วยเพราะถือว่ามีส่วนทำให้ความผิดมีผลสำเร็จ
"นอกจากไม่ยับยั้งหรือสั่งยกเลิกการกระทำดังกล่าวแล้ว กลับเห็นชอบข้อเสนอของกรรมการ รฟม.ในผลการประกวดราคา มีมูลเหตุจูงใจให้ผู้ได้รับสัญญาที่ 1 และ 3 ได้ประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย รวมเป็นเงินทั้งหมด 6,001 ล้าน" ร.ต.อ.เฉลิม ระบุ
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวด้วยว่า เมื่อ ส.ส.ในสภาฯ ได้รับฟังข้อมูลที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ถ้ายังต้องการจะยกมือโหวตให้กับรัฐบาลก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อใดที่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี บุคคลที่ร่วมกระทำการทุจริตดังกล่าวนี้จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน