พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการทหาร พิจารณาการใช้มาตรการปิดล้อมสกัดกั้นผู้ชุมนุมทางการเมืองเพื่อขอคืนพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสียชีวิตของพลตรีขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี แต่ได้แจ้งเป็นหนังสือว่าไม่สะดวกเข้าร่วมประชุม เนื่องจากติดภารกิจ
ด้านพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สบ10) ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ โดยยอมรับถึงอุปสรรคการทำหน้าที่ของตำรวจ ว่าไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่บริเวณทางขึ้นลิฟท์ผู้พิการสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสวนลุมพินีได้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ทหารใช้มาตรการกระชับวงล้อมในพื้นที่สวมลุมพินีให้ผู้ชุมนุมประมาณ 3-4 หมื่นคนทยอยออกนอกพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ภายหลังผลชันสูตรพลิกศพพบว่าถูกยิงจากที่สูง
"ขอตั้งข้อสังเกตถึงการเสียชีวิตของ เสธ.แดง ว่าน่าจะเกิดจากการที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มคนเสื้อแดง การขัดผลประโยชน์ รวมทั้งกรณีที่ เสธ.แดง เคยวิพากษ์วิจารณ์ผู้บังคับบัญชาระดับสูง"พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ในที่ประชุมกรรมาธิการยังมีข้อถกเถียงถึงชนิดปืนที่ใช้ยิงพล.ต.ขัตติยะ ซึ่งทาง สตช. และกองพิสูจน์หลักฐาน ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่า เป็นปืนชนิดใด ขนาดเท่าไร หรือเป็นปืนที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ หรือ อาวุธสงคราม ทำให้กรรมาธิการ หลายคนได้ตำหนิถึงกระบวนการพิสูจน์หลักฐานว่าขาดประสิทธิภาพในการทำงาน
ขณะที่ พ.ต.อ.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข รองผู้บัญคับการพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ยืนยันว่า ขณะนี้พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่สามารถระบุชนิดอาวุธที่ใช้ยิงได้ เพราะไม่พบเศษกระสุนปืน หรือเศษปลอกกระสุนตกอยู่ในที่เกิดเหตุ รวมทั้งขณะที่เกิดเหตุไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้ อีกทั้งในช่วงที่เกิดเหตุไม่ทราบว่าพล.ต.ขัตติยะ หันหน้าไปทางใด จึงไม่สามารถตรวจสอบวิถีกระสุนว่ายิงมาจากสถานที่ใด อย่างไรก็ตามจากการผลชันสูตรเบื้องต้นทราบว่า ยิงมาจากที่สูงและระยะไกลเท่าน น ไม่ใช่ข้อมูลที่สื่อมวลชนสันนิษฐานว่าเป็นปืนชนิด 338 ลากัวร์ หรือ 308 วินเช็ป เปอร์ ที่เป็นอาวุธที่ยิงในระยะไกลถึง 2 กิโลเมตร และอาวุธดังกล่าวจะมีขนาดรูออกกว้างถึง 7.2 เซ็นติเมตร จึงเป็นไปไม่ได้เพราะกระสุนที่ยิง เสธ.แดงมีขนาด 4 เซ็นติเมตร
ส่วนกระบวนการพิสูจน์หลักฐานต้องดำเนินการต่อไป เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนจึงจะตอบได้ ดังนั้นการเร่งรัดให้ตอบในตอนนี้คงไม่สามารถทำได้ มิเช่นนั้นก็คงเท่ากับเป็นการยกเมฆ
ด้าน พ.ต.ทรงพล เอี่ยมบุญฤทธิ์ อดีตนายทหารกรมสรรพาวุธทหารบก และที่ปรึกษากรรมาธิการ เชื่อว่า ปืนที่ใช้ลอบสังหาร เสธ.แดง น่าจะเป็นอาวุธปืนชนิดพีไนน์ตี้ ซึ่งมีขนาดกระสุน 4.6 มิลลิเมตร ซึ่งปืนชนิดนี้มีไว้สำหรับการต่อต้านก่อการร้าย มีวิถียิงแม่นมาก และสามารถยิงทะลุเกราะอ่อนได้
จากนั้น พ.ต.ท.สมชาย ได้สอบถามกองพิสูจน์หลักฐานถึงผู้เสียชีวิต 6 ศพ ที่วัดปทุมวนารามว่ากองพิสูจน์หลักฐานได้เข้าไปตรวจสอบหรือไม่ ซึ่ง พ.ต.อ.ธวัชชัย ชี้แจงว่า กรณีเหตุการณ์ที่วัดปทุมวนาราม กองพิสูจน์หลักฐานไม่ได้เข้าไปตรวจสอบตั้งแต่แรก เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ทหารกำลังเข้าควบคุมพื้นที่ และนึกว่าไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ แต่ได้เข้าไปภายหลังทหารเชิญเข้าไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ พ.ต.ท.สมชาย ได้ฝากให้ สตช.เข้าไปตรวจสอบและติดตามหาผู้กระทำผิดอีกครั้ง รวมทั้งให้ตรวจสอบหาอาวุธให้แน่ชัด เนื่องจากกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตว่าเป็นอาวุธที่ใช้ในราชการอย่างแน่นอน รวมทั้งเป็นอาวุธที่มีขนาดต่ำกว่า 0.4 เซนติเมตรที่มีอานุภาพร้ายแรง