นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่(กมม.) กล่าวว่า ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเน่าเฟะของการเมืองไทยที่ยังคำนึงถึงเฉพาะประโยชน์ของกลุ่มและพรรคพวก ไม่ได้เอาวิกฤติปัญหาของชาติเป็นตัวตั้ง ทั้งที่ประเทศไทยเพิ่งผ่านวิกฤติเผาบ้านเผาเมืองมา และยังไม่มีใครรู้ว่าวิกฤติดังกล่าวนี้จะยืดเยื้อเรื้อรังไปถึงไหน แต่รัฐบาลและฝ่ายการเมืองกลับไม่สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนว่าจะสามารถฟื้นฟูและนำพาชาติบ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤติได้
โดยต้นเหตุความขัดแย้งในพรรคร่วมครั้งนี้เกิดจากความไม่ลงตัวในการจัดสรรผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัญหาของชาติ ฉะนั้นไม่ว่าจะปรับ ครม.หรือปรับบางพรรคเข้าออกหลังจากนี้ เป็นเพียงการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลให้อยู่ได้นานที่สุดเท่านั้น 1 ปีครึ่งของรัฐบาลชุดนี้
"ที่ผ่านมาจะเห็นว่าพรรคร่วมลอยตัวจากปัญหา ฉวยโอกาสเก็บเกี่ยวหาประโยชน์ไปวันๆ ไม่ได้มีส่วนร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ในการคลี่คลายวิกฤติของบ้านเมืองแต่อย่างใด" นายสุริยะใส กล่าว
เลขาธิการพรรค กมม.กล่าวว่า การปรับ ครม.บนพื้นฐานผลประโยชน์ของพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองในรัฐบาลจะไม่ส่งผลอะไรต่อการแก้ปัญหาของชาติ รัฐบาลอาจถูลู่ถูกังอยู่ไปจนครบวาระ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นประโยชน์กับสังคม ซ้ำร้ายปัญหาความขัดแย้งและเกมการเมืองในพรรคร่วม หากนายกฯจัดการไม่ดีก็อาจส่งผลต่อแผนปรองดองของรัฐบาลจนอาจไม่ได้รับแรงหนุนจากประชาชนก็เป็นไปได้ เพราะกระบวนการปรองดองต้องทำไปพร้อมๆกับรัฐบาลที่ได้รับความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากประชาชนเท่านั้น
"สิ่งสำคัญที่สุดที่รัฐบาลชุดนี้ต้องตระหนักและเร่งแก้ไข คือการเปลี่ยนวิธีคิดในการบริหารประเทศ ถ้าต้องปรับ ครม.ก็ต้องปรับอย่างมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ เพราะประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์พิเศษ มีภัยคุกคามแบบใหม่ เป็นสถานการณ์วิกฤติที่สุดในรอบหลายร้อยปี ยุทธศาสตร์และแนวนโยบายในการแก้ไขปัญหาของชาติจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนไปด้วย" นายสุริยะใส กล่าว