สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย(ภท.)กับพรรคเพื่อแผ่นดิน(พผ.) หลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 55.26% เห็นว่าการที่พรรคเพื่อแผ่นดินลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยนั้น ไม่ถือว่าผิดมารยาททางการเมือง เพราะเป็นสิทธิของ ส.ส.แต่ละคนที่จะลงคะแนนเสียง, เป็นสิ่งที่ ส.ส.สามารถทำได้ตามระบอบประชาธิปไตย
ขณะที่ 16.11% ถือว่าผิดมารยาททางการเมือง เพราะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกันควรช่วยเหลือหรือสนับสนุนซึ่งกันและกัน, ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอน
โดยเหตุผล 3 อันดับแรกที่ประชาชนคิดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ลงคะแนนไว้วางใจให้แก่รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย เพราะอันดับแรก เป็นสิทธิส่วนตัวของ ส.ส. รองลงมาคือ อาจมีสาเหตุจากความขัดแย้งหรือเรื่องผลประโยชน์ และเป็นสัญญาณบอกว่าพรรคร่วมรัฐบาลกำลังมีปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข
ผลสำรวจจากกรณีความขัดแย้งของ 2 พรรคร่วมรัฐบาล จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลหรือไม่นั้น พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 51.35% มองว่ามีผลกระทบ เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการแตกความสามัคคีกันในพรรคร่วมรัฐบาล, ส่งผลให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพในการบริหารงาน ส่วน 37.16% มองว่าไม่มีผลกระทบ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังคงไว้วางใจและเชื่อมั่นในตัวนายกฯ, เชื่อว่านายกฯ จะยุติปัญหานี้ได้โดยเร็ว
โดยหลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าควรจะมีการปรับพรรคร่วมรัฐบาล อีกทั้งควรมีการปรับคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาบานปลาย รัฐบาลจะได้บริหารงานด้วยความราบรื่น และเพื่อลดความขัดแย้งทางการเมือง ช่วยให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดูดีขึ้น ให้ประชาชนเกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลจะบริหารบ้านเมืองต่อไปได้
ผลสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งสิ้น 1,184 คน ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 2-4 มิ.ย.53