นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) เปิดเผยว่า วันนี้ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ไปยื่นข้อกล่าวหากับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ไต่สวนและดำเนินคดีกับนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง(ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 11 ส.ค.52 ที่ได้เห็นชอบผู้ชนะผลการประกวดราคา และเห็นชอบการปรับโครงสร้างวงเงินในสัญญาก่อสร้างในส่วนของงานโยธา
ทั้งนี้ผลจากการปรับโครงสร้างวงเงินในสัญญาดังกล่าว ทำให้รัฐต้องสูญเสียเงินที่ไม่ควรต้องจ่ายหรือต้องจ่ายเงินที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงประมาณ 6,000 ล้านบาท ที่มาจากภาษีประชาชน โดยโยกเงินสำรองจ่าย 3,000 ล้านบาทเศษ งบภาษีมูลค่าเพิ่ม 2,000 กว่าล้าน และงบสัญญาที่ 6 ที่เตรียมไว้ก่อสร้างระบบรางกว่า 400 ล้านบาท โดยงบทั้งหมดโยกไปรวมให้กับสัญญาที่ 1-2 ซึ่ง บมจ.ช.การช่าง(CK) และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC) เป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่อว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นความผิดต่อกฎหมาย
โดยเห็นว่านายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม มีความผิดตาม มาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ส่วนนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เป็นรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมครม.ในวันดังกล่าวด้วย ทั้งที่คู่สัญญาตามสัญญาที่ 2 คือ บมจ.ซิโน-ไทยฯ เป็นบริษัทที่มีบุตรชายและบุตรสาว รวมถึงเครือญาติของนายชวรัตน์ ถือหุ้นสามัญอยู่ด้วยจำนวนมาก จึงมีลักษณะเป็นบริษัทในครอบครัวของนายชวรัตน์ อันถือเป็นการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 265 (2) และ วรรค 3 ที่ผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่ควรเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อมีมติดังกล่าว
การเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีและมีมติเห็นชอบให้บริษัทเครือญาติของตนเองเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐ จึงถือเป็นการปฎิบัติ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157
ส่วนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ลงนามอนุมัติตามหนังสือด่วนที่สุดของกระทรวงคมนาคม ลงวันที่ 6 ส.ค.52ให้นำเรื่องการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่อ เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
พร้อมกันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี ยังมีความผิดในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 171 วรรคแรกด้วยเช่นกัน