คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีมติคว่ำบาตรอิหร่านในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรต่างๆมีทั้งการควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงิน การระงับการซื้อขายอาวุธอย่างเข้มงวดมากขึ้น และการยึดสินค้าที่เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นได้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตร 12 เสียง ต่อ 2 เสียง โดยมี 1 ประเทศงดออกเสียง โดยได้มีการอนุมัติให้ยึดทรัพย์สินของบริษัท ธนาคาร และหน่วยงานรัฐรวม 40 แห่ง และสั่งห้ามนายจาวาด ราฮีคี ประธานองค์กรพลังงานปรมาณูของอิหร่านเดินทางออกต่างประเทศ ขณะที่ตุรกีและบราซิลได้ลงคะแนนเสียงคัดค้านมาตรการดังกล่าว แต่เลบานอนงดออกเสียง
จีนซึ่งร่วมลงคะแนนเสียงสนับสนุนมาตรการด้วยนั้น เปิดเผยว่า การคว่ำบาตรไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตถูกปิดตาย วิธีการแก้ปัญหานิวเคลียร์ควรจะใช้วิธีการเจรจาและทางการทูต
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวภายหลังจากที่มีการลงคะแนนเสียงว่า เราจะต้องรับประกันว่ามาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้จะมีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ การสะสมอาวุธนิวเคลียร์ในตะวันออกกลางนั้น ไม่เป็นประโยชน์กับประเทศใด
ทั้งนี้ มาตรการลงโทษบทใหม่มีเป้าหมายที่จะยับยั้งการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน และกดดันให้อิหร่านเข้าร่วมการเจรจาในระดับสากลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งอิหร่านยังคงโครงการพัฒนานิวเคลียร์เพื่อการผลิตพลังงานต่อไป