ประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดีเนจ๊าด ของอิหร่านปฏิเสธที่จะยุติโครงการเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม แม้ว่าคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะลงมติใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับอิหร่านไปเมื่อวานนี้ โดยผู้นำอิหร่านมองว่า มาตรการคว่ำบาตรนั้นเปรียบเสมือนกับผ้าเช็ดหน้าใช้แล้วที่เหมาะกับถังขยะเท่านั้น
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีมติคว่ำบาตรอิหร่านในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งมาตรการคว่ำบาตรต่างๆมีทั้งการควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงิน การระงับการซื้อขายอาวุธอย่างเข้มงวดมากขึ้น และการยึดสินค้าที่เกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
โดยอิหร่านได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และยืนกรานว่า อิหร่านดำเนินโครงการด้านพลังงานปรมาณูเท่านั้น
ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐกล่าวว่า การลงมติคว่ำบาตรครั้งนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ถูกต้องเกี่ยวกับการสกัดการเผยแพร่อาวุธนิวเคลียร์
ประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นได้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตร 12 เสียง ต่อ 2 เสียง โดยมี 1 ประเทศงดออกเสียง โดยได้มีการอนุมัติให้ยึดทรัพย์สินของบริษัท ธนาคาร และหน่วยงานรัฐรวม 40 แห่ง และสั่งห้ามนายจาวาด ราฮีคี ประธานองค์กรพลังงานปรมาณูของอิหร่านเดินทางออกต่างประเทศ ขณะที่ตุรกีและบราซิลได้ลงคะแนนเสียงคัดค้านมาตรการดังกล่าว แต่เลบานอนงดออกเสียง
จีนซึ่งร่วมลงคะแนนเสียงสนับสนุนมาตรการด้วยนั้น เปิดเผยว่า การคว่ำบาตรไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตถูกปิดตาย วิธีการแก้ปัญหานิวเคลียร์ควรจะใช้วิธีการเจรจาและทางการทูต