ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย(พท.) ออกโรงแถลงข่าวตอบโต้พรรคการเมืองใหม่(กมม.) แทนคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีออกมาระบุว่าเตรียมลงสมัคร ส.ส.ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ โดยระบุคุณหญิงพจมานได้ให้เลขานุการส่วนตัวโทรศัพท์มาหาตนเอง เพื่อขอให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อสื่อมวลชน "ท่าน(คุณหญิงพจมาน)ไม่คิดลงเล่นการเมืองตามที่สื่อบางแขนงเสนอข่าว ท่านบอกว่าตั้งแต่หย่ากับ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วก็ไม่เคยคิดที่จะลงเล่นการเมือง หรือแม้แต่ดำรงตำแหน่งใดๆ ทางการเมือง เพราะรู้สึกชอกช้ำ ขมขื่นกับการเมือง ไม่ขอเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น" ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรค พท.กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เมื่อดูคุณสมบัติของบุคคลที่จะลงสมัคร ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 ก็พบว่าคุณหญิงพจมานไม่เข้าเงื่อนไขที่จะลงสมัคร ส.ส.ในจังหวัดชัยภูมิได้ เพราะจะต้องเกิดหรือมีที่อยู่ หรือเคยเป็นข้าราชการเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี
"การที่พรรคการเมืองใหม่ออกมาแถลงข่าวเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความโง่เขลาปัญญาทึบ และแม้รัฐบาลชุดนี้จะอยู่จะครบวาระอีกปีครึ่งคุณหญิงพจมานก็ลงสมัครไม่ได้อยู่ดี" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
สำหรับกรณีที่รัฐบาลแต่งตั้ง นายคณิต ณ นคร เป็นประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาตินั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังสงสัยว่าจะมาทำหน้าที่นี้ด้วยความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เพราะนายอภิสิทธิ์เองถือว่าเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงต้องถามว่ารัฐบาลมีสิทธิ์อะไรที่มาตั้งคณะกรรมการฯ
"ไม่มีความชอบธรรมเลยที่ตั้งกรรมการขณะที่ตนเองยังอยู่บนอำนาจ ยังเป็นนายกรัฐมนตรี แตกต่างจากในอดีตที่จะมีการตั้งคณะกรรมการฯ ภายหลังจากที่นายกฯได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วทั้งสิ้น...ทำไมคุณถึงไม่เลือกวิธีเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ถามว่ากลัวอะไร กลัวความผิดจะถึงตัวเองหรืออย่างไร วันนี้นายอภิสิทธิ์ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองอยู่ต่อไป" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ล่าสุดมีการโจรกรรมข้อมูลไปนั้น ตนเองไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ถ้าหากข้อมูลไปอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ก็จะทำให้ได้เปรียบรู้ข้อมูลของคดีแล้วนำไปชี้แจงต่อสู้ได้
"มีคนกล่าวหาว่าว่าไปนำข้อมูลจากดีเอสไอมาอภิปราย ก็ขอบอกว่าตนมีสติปัญญาพอไม่หน้าโง่เหมือนข้าราชการในดีเอสไอบางคนที่โตมาจากการวิ่งเต้น ผมไม่โง่พอที่จะไปขอข้อมูลดีเอสไอ มีแต่ดิเอสไอที่มาขอข้อมูลจากผมจาก แต่คดีนี้จะยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ผม แต่ดูอาการทั้ง กกต. และอัยการในช่วงที่ผ่าน ก็ทำให้เชื่อว่าสุดท้ายแล้วพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบพรรคแน่นอน เพราะพวกนี้มันทำอะไรก็ไม่ผิด ขอฝากนายอภิสิทธิ์ว่าหนีกฎหมายได้แต่หนีกฎแห่งกรรมไม่ได้" นายอภิชาต กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า รัฐบาลมีท่าทีที่จะคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้โดยให้เหตุผลว่าอาจจะมีเรื่องวุ่นวายอีก การพูดแบบนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่าไม่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแล้ว ควรเลิกไปเสีย ถ้าหากมีเหตุก็สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ วันที่เลือกตั้ง สก.-สข. ตนเองยังไปช่วยหาเสียงไม่ได้เลย
"พวกผมออกโทรทัศน์ไม่ได้ แต่พวกคุณออกได้ มันเป็นการเอาเปรียบซึ่งๆหน้า อยากถามว่ามีสำนึกกันบ้างไหม มีการทำบุญสะเดาะเคราะห์กันใหญ่โต ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมาหนักหนา และยังมีประชาชนนำพระมาให้นายอภิสิทธิ์แขวนคอ ระวังจะโดนเหมือนนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ที่ไปรับงานช้างแล้วจะมาหาข้ออ้างกันอีก นายอภิสิทธิ์หนีอะไรก็หนีได้แต่หนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ ขอย้ำว่าการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อทำให้ตัวเองได้เปรียบ ในหลายจังหวัดตนเองไปปราศรัยไม่ได้เลย รัฐบาลชุดนี้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปิดกั้นสื่อ
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะรื้อฟื้นคดีฆ่าตัดตอนนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ออกมาแถลงเรื่องนี้โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เขาทำกันไว้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาถึง 6 ชุด ในจำนวนนี้มี 2 ชุด ที่มีนายกิตติ ลิ้มชัยกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าทีมตรวจสอบอยู่ ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ ออกมาแถลงว่าสามารถดำเนินคดีได้เพียง 2-3 ราย เพราะไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงความผิด
"ผมไม่ขัดขวางเรื่องการตั้งคณะรรมการสอบ ใครผิดก็เอาเข้าคุกไป แต่กรณีการตรวจสอบคนตายเป็นร้อย บาดเจ็บสูญหายอีกไม่รู้เท่าไหร่ ผมไม่เชื่อกรรมการที่รัฐบาลนี้ตั้งขึ้นมา" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว