คาร์ล-เฮนริค สแวนเบิร์ก ประธานกรรมการบริษัทบีพี กำลังถูกเรียกตัวไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐในการกดดันบริษัทด้านพลังงานสัญชาติอังกฤษรายนี้ให้เร่งดำเนินการจ่ายเงินชดเชยโดยเร็ว หลังจากที่เหตุแท่นขุดเจาะของบีพีระเบิดได้สร้างหายนะทางสิ่งแวดล้อมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ
วานนี้ พลเรือเอก แท็ด อัลเลน แห่งหน่วยยามฝั่งของสหรัฐ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานที่ดูแลเรื่องน้ำมันรั่ว ได้ส่งจดหมายถึงสแวนเบิร์กที่สำนักงานใหญ่ของบีพีในกรุงลอนดอน โดยขอให้สแวนเบิร์กและผู้แทนที่เหมาะสมของบริษัทเดินทางมายังสหรัฐเพื่อประชุมหารือเรื่องการจัดการรับมือของบีพีต่อเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐในวันพุธที่ 16 มิ.ย.นี้ โดยอัลเลนเผยว่า โอบามาจะเข้าร่วมในช่วงหนึ่งของการประชุม
พลเรือเอกอัลเลนระบุในจดหมายว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันในแถบกัลฟ์โคสต์ และเวลาก็เป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหาเหล่านี้
รายงานระบุว่า การประชุมที่กำลังจะมีขึ้นนี้จะเป็นครั้งแรกที่ปธน.โอบามาได้ติดต่อโดยตรงกับผู้แทนของบีพี นับตั้งแต่ที่เกิดเหตุแท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ระเบิดและจมลงเมื่อวันที่ 20 เม.ย. จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน และทำให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกเป็นปริมาณมหาศาล โดยโอบามายังไม่ได้พบกับเจ้าหน้าที่ของบีพีเลยตั้งแต่เกิดเหตุ
นอกจากนี้ การประชุมยังจะมีขึ้นในขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐกำลังเรียกร้องให้บีพีระงับการจ่ายเงินปันผล เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าทำความสะอาดคราบน้ำมันและความเสียหายทางเศรษฐกิจ ตลอดจนตั้งคำถามถึงความซื่อตรงของแถลงการณ์ต่อสาธารณะของบีพี หลังจากที่วานนี้ คณะนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐเผยว่า ปริมาณน้ำมันที่ไหลทะลักลงสู่อ่าวเม็กซิโกอาจสูงถึง 40,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งสูงกว่าที่บริษัทประเมินในเบื้องต้นถึง 7 เท่า