มิโรสลาฟ เจนกา ผู้แทนพิเศษจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตือนว่าจำนวนชาวคีร์กีซสถานที่อพยพไปยังอุซเบกิสถานอาจพุ่งถึง 100,000 คนหรือมากกว่านั้น โดยข้อมูลจากทางการอุซเบกิสถานระบุว่า จำนวนผู้อพยพข้ามมายังพรมแดนอุซเบกิสถานอยู่ที่ 75,000 คนในตอนนี้ แต่ตัวเลขยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันเจนกาได้เรียกร้องให้รัฐบาลชั่วคราวของคีร์กีซสถานจัดการลงประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามที่กำหนดไว้ในวันที่ 27 มิถุนายน และจัดการเลือกตั้งรัฐสภาในเดือนตุลาคมแม้ว่าตอนนี้จะเกิดสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศก็ตาม
เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างชาวคีร์กีซและชาวอุซเบกในเมืองออชและจาลาลาบัดทางภาคใต้ของคีร์กีซสถานเปิดฉากขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา และเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ส่งผลให้ประชาชนหลายหมื่นคนอพยพลี้ภัยไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างอุซเบกิสถาน
อย่างไรก็ตาม อุซเบกิสถานได้ตัดสินใจปิดชายแดนเป็นการชั่วคราวเพราะไม่สามารถรองรับจำนวนผู้อพยพได้มากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้ พร้อมกับขอร้องให้นานาชาติเข้ามาช่วยเหลือผู้อพยพที่เข้ามาอยู่ในอุซเบกิสถานแล้ว
"วันนี้ เราจะหยุดรับผู้ลี้ภัยจากคีร์กีซสถานเพราะเราไม่มีที่และกำลังพอที่จะรองรับพวกเขาได้แล้ว" อับดุลลาห์ อารีพอฟ รองนายกรัฐมนตรีของอุซเบกิสถานกล่าว
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของคีร์กีซสถานเปิดเผยจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดที่เพิ่มสูงขึ้นแตะ 170 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกราว 1,762 ราย
ทั้งนี้ รัฐบาลชั่วคราวของคีร์กีซสถานได้ขอให้รัสเซียช่วยระงับเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธ และทำเพียงส่งกองกำลังทหารและพลร่มไปรักษาฐานทัพของรัสเซียในภาคเหนือของคีร์กีซสถานเท่านั้น
ด้านองค์กรสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (Collective Security Treaty Organization: CSTO) กล่าวเมื่อวานนี้ว่า หากจำเป็นทางองค์กรจะใช้มาตรการต่างๆ อย่างการใช้กองกำลังทั้งหมดเพื่อทำให้สถานการณ์ในคีร์กีซสถานกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สำนักข่าวซินหัวรายงาน