องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกนั่งบัลลังก์เพื่อนัดพร้อมคู่กรณีในกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา ได้ส่งคำร้องของกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กรณี ส.ว. 16 คน และ ส.ส. 29 คนที่ถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อที่เป็นสัมปทานและเป็นคู่สัญญาของรัฐ ซึ่งในจำนวนนี้มี ส.ส.ที่เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลปัจจุบัน 4 คน คือ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที), นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่าจะรวมสำนวนคำร้องในกรณี ส.ส.และ ส.ว.เข้าไว้เป็นสำนวนเดียวกัน เพื่อให้ง่ายและรวดเร็วต่อการวินิจฉัยคดี ส่วนคดีที่เกี่ยวกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั้น ได้จำหน่ายคดีออกไป เพราะนายสุเทพ ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.แล้ว
สำหรับแนวทางการพิจารณาจะแบ่งเป็น 3 ประเด็น คือ 1.การดำเนินการและการมีคำวินิจฉัยของ กกต.ชอบหรือไม่ 2.บริษัทที่ผู้ถูกร้องและคู่สมรสและบุตรถือหุ้นเป็นบริษัทต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 265 (2) และ (4) หรือไม่ และ 3.การถือครองหุ้นของผู้ถูกร้อง คู่สมรส และบุตร เป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ จะตรวจพยานหลักฐานตั้งแต่วันนี้ และหากผู้ถูกร้องต้องการให้เรียกเอกสารหรือพยานให้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 7 วัน และศาลได้นัดคู่กรณีเพื่อตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 ก.ค.53 เวลา 11.00 น. และนัดไต่สวนพยานปากแรกในวันที่ 23 ก.ค.53 จนกว่าจะเสร็จสิ้น
โดยการไต่สวนจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ผู้ถูกร้อง, ลักษณะพยานเอกสารที่ผู้ถูกร้องได้อ้างเข้ามา, ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับกิจการสัมปทาน และรัฐธรรมนูญ รวมทั้งพยานอื่นๆ ที่ศาลเห็นสมควร