นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุกรณีที่รัฐบาลตั้งคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการสานต่อแผนบันได 4 ขั้นของ คมช.เพราะเป็นการนำคนที่ทำงานให้กับ คมช.มาสานต่อภารกิจ
"เท่าที่ดูรายชื่อตอบบันได 4 ขั้นได้ว่าเป็นการกระชับพื้นที่ของ คมช.และนำคนที่หมดวาระจากการแต่งตั้งของ คมช.มาสานต่อภารกิจของ คมช.โดยให้รัฐบาลชุดนี้เป็นผู้ดำเนินการต่อ" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า นายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมการฯ หลังยึดอำนาจได้รับแต่งตั่งเป็น สนช. และแสดงทัศนะคติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อฝ่ายประชาธิปไตย เพราะฉะนั้นพวกตนไม่หวังในเรื่องของรัฐธรรมนูญ หรือความปรองดองของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะนั่นเป็นการเดินตามบันได 4 ขั้น เพื่อให้เกิดการกระชับอำนาจตามแนวความคิดของ คมช.อย่างสมบูรณ์แบบ
นายจตุพร กล่าวว่า การกระทำที่ผ่านมาก็เป็นตัวอธิบายได้ครบถ้วน เพราะนายสมบัติ สนับสนุนการยึดอำนาจและรัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะฉะนั้นประชาชนและผมจะรอความหวังไม่ได้ ถือเป็นเครื่องมือซื้อเวลาของรัฐบาล เหมือนกับการตั้งคณะกรรมการชุดอื่นๆ เพราะที่ผ่านมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยมีแนวความคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขนาดพรรคร่วมเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแบบเขตเดียวเบอร์เดียวก็ยังไปหักดิบโดยอาศัยมติพรรคประชาธิปัตย์ เพราะฉะนั้น ตนไม่เชื่อว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะเสนอแนวทางใหม่าขึ้นมา ถ้ามีอีกคณะหนึ่งตนอยากเสนอให้นำนายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะได้ครบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ถ้าดูรายชื่อแต่ละคนตอบโจทย์ได้ว่ายืนอยู่ฝ่ายไหน และตัวละครที่เล่นกันอยู่ตอนนี้เป็นการแสดงทั้งหมด และทำมาหากินกันด้วย
"ผมขอท้าคุณอภิสิทธิ์ คุณกรณ์ คุณศิริโชค กล้าซื้อไทยคมคืนหรือไม่ ความจริงแล้วไม่ต้องการซื้อไทยคมคืน แต่ต้องการนำเงินจากการปั่นหุ้น ท้ายที่สุดเรื่องนี้กลายเป็นโอละพ่อหลอกแมงเม่าเข้ากองไฟ วันนี้ก็เหมือนกับคณะกรรมการของนายสมบัติ หรือชุดของนายคณิต เหมือนเป็นการปั่นหุ้นเพื่อซื้อไทยคมคืน ท้ายที่สุดก็ไม่ซื้อ กล้าสาบานหรือไม่ว่าการปรองดองเป็นการพูดจริงๆ เพราะที่ผ่านมาไม่ เคยปรองดองเลย" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลยังปฏิบัติการไล่ล่าและกระบวนการตบทรัพย์คนเสื้อแดงทุกแห่ง ที่ ศอฉ.เคยบอกว่าจับเครื่องปั่นไฟราคา 7 แสนบาท และต่อรองให้นำเงินไปไถ่ 2 แสนบาท รวมทั้งการอายัดบัญชีต่างๆ ก็โทรศัพท์ไปตบทรัพย์ เรื่องนี้ให้ไปถามอธิบดีดีเอสไอว่ารู้จักหน้าคนตบทรัพย์หรือไม่
"ผมไม่เชื่อว่าจะมีคณะกรรมการตบทรัพย์เกิดขึ้น ขอเรียกร้องให้อธิบดีดีเอสไอตรวจสอบพวกตัวเองด้วย ขณะนี้นักธุรกิจเกรงกลัวกันมากในเรื่องธุรกรรมต่างๆ และยังมีการโทรศัพท์ไปแบล็คเมล์ว่าถ้าไม่ขึ้นบัญชีจะต้องจ่ายเงินกี่ล้านๆ ทำกันถึงขนาดนี้" นายจตุพร กล่าว
นายจุพร ยังกล่าวถึงนายอานันท์ ปัญยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะมาเป็นคณะกรรมการปฏฺรูปประเทศไทย วว่า นายอานันท์ ต้องปฏิรูปตัวเองก่อน สมัยที่เป็นนายกฯ ก็สร้างความเลวร้ายให้กับประเทศนี้ไว้มาก และอยู่ตรงข้ามกับประชาชนอย่างพวกตน จะตั้งนายอานันท์ขึ้นมาอีกคณะก็ไม่แปลกอะไร เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็น นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส หรือใครก็ตาม ก็ตั้งกันไป เพื่อความสนุกสนานได้ในประเทศไทย เพราะเป็นคณะกรรมการที่ไม่ได้มีเป้าหมาย ไม่ว่าจะปฏิรูปประเทศไทย การปรองดอง การแก้ไขรัฐธรรมูญ ไม่เป็นจริงสักเรื่องเดียว กลายเป็นว่ารัฐบาลชุดนี้คิดจะอยู่ต่อ ถึงแม้จะอยู่ให้ตายก็ไม่เกิน 23 ธ.ค.54 ซึ่งครบวาระ 4 ปี แต่ตนเองเชื่อว่าไปไม่ถึง โดยที่พวกตนเองไม่ต้องทำอะไรเลย
นายจตุพร กล่าวว่า การปรองดองของรัฐบาลไม่เป็นความจริง และถ้านายอภิสิทธิ์ยังอยู่แบบนี้ ตนเองคิดว่าอยู่ยาก อย่าคิดไปภาคเหนือ หรืออีสาน แต่เดินในกรุงเทพฯ ให้ได้ก่อน ว่างๆ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ลองไปเดินเช็คเรตติ้งในห้างเซ็นทรัลลาดพร้าวดูก็ได้ว่าประชาชนมีความรักอย่างไร ตนเองขอเตือนว่าการไล่ล่าประชาชนถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล ถ้าคนอื่นทำแบบนี้กลับคืนบ้างจะรู้สึกอย่างไร อยากฝากไปถึงนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ว่า นปช.ที่ถูกจับกว่า 100 คนบางแดนมีการลิ่วตาให้ซ้อมผู้ต้องหาทั้งหญิงและชาย บางคนหน้าตาปูดบวม ซึ่งได้มีการบันทึกปากคำกับทนาย นปช.ไว้เรียบร้อยแล้ว นายพีระพันธุ์จะปฏิเสธหรือไม่ว่าไม่มีการซ้อม
"ผมขอเตือนอย่าได้ทำกับแกนนำทั้ง 11 คน ใครถูกซ้อม ต่อให้ 10 พ.ร.ก. ฉุกเฉินก็ไม่มีความหมายกับผม ถ้าเพื่อนผม 1 คน มี ปัญหาในคุก" นายจตุพร กล่าว