นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุเตรียมดำเนินคดีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กรณีขอให้ศาลเพิกถอนการประกันตัวโดยอ้างเหตุเคลื่อนไหวปลุกระดมประชาชนให้ไปชุมนุมกดดันศาล
"วันนี้ดีเอสไอกลับอ้างเหตุว่าเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ผมเป็นคนพาประชาชนไปในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นความเท็จร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะประชาชนก็เหมือนกับผมที่ทราบข่าวก็ต่างคนต่างไปเพราะทุกคนต่างคนมีความรู้สึก ซึ่งผมเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกับแกนนำ 11 คน ถ้าไม่ไปก็เป็นเรื่องแปลก ถ้าไปเป็นเรื่องปกติ อยู่ในศาลก็ไม่มีพฤติกรรมอะไรที่จะไปยุยง แต่กลับเป็นเหตุผลที่จะใช้เหตุคุมขังผม ไม่ทราบว่าศาลจะใช้ดุลยพินิจอย่างไร แต่ผมจะขอดำเนินคดีกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะปฎิบัติหน้าที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ เพราะทุกอย่างตั้งข้อกล่าวหาเท็จ" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการนำ 11 แกนนำ นปช.ไปขอฝากขังต่อศาล เมื่อตนเองรู้ว่าเพื่อนจะถูกนำตัวมาฝากขังก็คิดว่าเพื่อนทั้ง 11 คนควรจะได้รับโอกาสและความเมตตาจากศาลเหมือนตนเองและนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย จึงได้เดินทางไปที่ศาลอาญาในฐานะประชาชนเพื่อไปรอ ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เลยที่แสดงว่าตนเองไปยุยงอะไรกับประชาชนเพราะต่างคนต่างไปเหมือนวันที่ตนเองและนายการุณไปศาลอาญา ซึ่งประชาชนก็ต่างคนต่างไปเช่นกัน
นายจตุพร กล่าวว่า ความจริงแล้วดีเอสไอต้องการเอาตนเองไปคุมขัง เพราะเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนเองและนายการุณได้ไปให้ปากคำเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามคำเชิญของประธานคณะกรรมาธิการติดตามสถานการณ์บ้านเมืองของวุฒิสภา ซึ่งศาลไม่ได้ห้ามทำหน้าที่ ส.ส.หรือห้ามตนเองทำอะไร เพราะเงื่อนไขการเพิกถอนการประกันมี 3 ข้อ คือ 1.ห้ามหลบหนี 2.ยุ่งเหยิงกับพยาน 3.มีพฤติกรรมเหมือนเดิม
นอกจากนี้ ดีเอสไอยังอ้างเหตุผลว่าตนเองไปให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาถึงการตายของนายศักรินทร์ กองแก้ว หรือ "อ้วน บัวใหญ่" ว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ การชุมนุมคนเสื้อแดงไม่มีการจ้างไปตายและไม่เกี่ยวกับค่าหัวคิวเพราะไม่มีค่าจ้าง ส่วนที่ระบุว่า อ้วน บัวใหญ่ ได้รถมอเตอร์ไซด์ 1คัน
"อยากถามว่าชีวิตเขามีค่าแค่มอเตอร์ไซด์ 1 คันหรือ ในพื้นที่รู้ว่าคนลงมือเป็นใคร ยศอะไร เป็นการยิงโชว์เพื่อต้องการปรามไม่ให้แกนนำ แต่ละจังหวัดไปเคลื่อนไหว แต่เมื่อวานนายธาริตไม่กล้าพูดเพราะไม่พอใจที่มีการระบุว่ามีการตบทรัพย์เรียกค่าไถ่ ไปจับรถเครื่องปั่นไฟเครื่องเสียง นี่หรือผู้ก่อการดี ขอยืนยันว่าทั้งหมดให้เป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความใส่ร้ายในทางการเมือง" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์หรือคนในรัฐบาลโดนบ้างก็ไม่ต้องสร้างเรื่อง แค่เอาเรื่องของพันธมิตรฯ ไปตรวจสอบธุรกรรมคนที่สนับสนุนบ้าง หลังพันธมิตรฯชุมนุมกันยาวนาน 193 วัน วันที่ไล่บี้คนอื่นขอให้คิดถึงวันข้างหน้าบ้าง
"คดีของพันธมิตรฯทางอัยการเลื่อนไป ทำไมถึงไม่มีการไปตรวจสอบธุรกรรมของคนที่สนับสนุนพันธมิตรฯก็จะได้เห็นกันหมดว่ามีคนในพรรคประชาธิปัตย์อย่างไรบ้าง และเชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง" นายจตุพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนเองไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะซื้อหุ้นดาวเทียมไทยคมคืนจริงหรือเปล่า แต่ความจริงเป็นเพียงแค่ต้องการปั่นหุ้น แล้ววันนี้ทำไมไม่กล้าซื้อ ถ้าแน่จริงก็รีบซื้อคืน
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้ทีมฝ่ายกฎหมายได้เตรียมยื่นอุทธรณ์ เนื่องจากวันที่ 19 พ.ค.ระหว่างจะส่งตัวไปคุมขังได้มีการซ้อมทำร้ายผู้ต้องหา และมีการข่มขืนผู้ชุมนุมซึ่งฝ่ายกฎหมายได้รวบรวมรายละเอียด พยานอย่างครบถ้วนเพื่อยื่นฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศและศาลโลกโดยหลักๆ จะยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝายความมั่นคง ซึ่งทุกอย่างได้เดินหน้าไปเต็มที่แล้วโดยประสานทีมงานกฎหมายในต่างประเทศ ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สอดคล้องให้การต่อสู้ประสบความสำเร็จ เพราะเพียงภาพถ่ายของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศก็รู้ว่าเป็นอะไร
นายจตุพร ยังกล่าวถึงการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 กทม.ว่า ทางผู้ใหญ่และผู้บริหารของพรรคเพื่อไทยมีแนวคิดจะส่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยให้ตนเองไปประสาน ขณะนี้ให้ฝ่ายกฎหมายกำลังตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติของนายณัฐวุฒิที่อยู่ในเรือนจำจะสามารถลงสมัครได้หรือไม่ ถ้าลงสมัครได้ก็จะให้พรรคพวกไปหาเสียงแทน โดยผู้สมัครอยู่ในเรือนจำ
"จะเป็นการเลือกตั้งที่แปลกครั้งหนึ่งเหมือนกรณีนายบอบบี้ แซน ที่เป็นชาวไอริช ที่ติดอยู่ในคุกแต่ลงสมัครรับเลือกตั้งจนได้รับเลือกเป็นผู้แทน ดังนั้นถ้าตรวจสอบคุณสมบัติถูกต้องก็จะทำเรื่องขออนุญาตต่อศาล เพื่อนำตัวนายณัฐวุฒิไปสมัครลงเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.ครั้งนี้ต่อไป" นายจตุพร กล่าว
เมื่อถามถึงเหตุผลในการเลือกนายณัฐวุฒิ นายจตุพร กล่าวว่า บรรยากาศการห้ามชุมนุมอย่างนี้จะปราศรัยหาเสียงได้อย่างไร ก็ต้องหาเสียงโดยผู้สมัครไม่ต้องไปพบประชาชน โดยนายณัฐวุฒิอาจเป็นหนึ่งในหลายคน เพื่อให้สังคมไทยได้ฉุกคิด แล้วจะได้พูดความจริงใครเผาเซ็นทรัลเวิร์ล เซ็นเตอร์วัน หรืออีกหลายๆเรื่อง