ดุสิตโพลเผย ปชช.ยังหวังกระบวนการปรองดองแม้สภาพการเมืองไทยยังเหมือนเดิม

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศ จากกลุ่มตัวอย่าง 2,274 คน ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับสภาพการเมืองไทยหลังเหตุการณ์ชุมนุม รวมทั้งการเร่งหาแนวทางสร้างความปรองดองของรัฐบาล

ทั้งนี้ ผลสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 48.28 เห็นว่าหลังผ่านเหตุการณ์กระชับพื้นที่มาเป็นเวลา 1 เดือน สภาพความขัดแย้งยังคงเหมือนเดิม เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาจากคนบางกลุ่มมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมและเกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม อีกทั้งปัญหาต่าง ๆ หรือข้อกังขายังไม่ได้รับการชี้แจงหรือคลี่คลาย

ขณะที่ร้อยละ 39.65 เห็นว่าดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนไทยต่างได้รับบทเรียนครั้งใหญ่ และหวังเห็นความสงบสุขเกิดขึ้นอีกครั้ง

ส่วนสภาพการเมืองหลังผ่านเหตุการณ์มาแล้ว 1 เดือนเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.93 เห็นว่า ยังเหมือนเดิม เพราะนักการเมืองเป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมา และการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ รองลงมาร้อยละ 22.81 เห็นว่าแย่ลง เพราะดูเหมือนยังเล่นเกมการเมืองกันอยู่

ส่วนกรณีที่ฝ่ายต่าง ๆ พยายามจะสร้างความปรองดองอยู่ในขณะนี้จะสมหวังมากน้อยเพียงใด ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 34.48 ไม่แน่ใจ เพราะกลัวเป็นเพียงกระแสสั้น ๆ ที่รัฐบาลใช้สร้างคะแนนนิยม และการปรองดองต้องใช้เวลานาน ขณะที่ร้อยละ 25.86 เห็นว่าน่าจะสมหวัง เพราะทุกฝ่ายต้องการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น มีหลายฝ่ายมาช่วยและให้ความร่วมมือ

นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 34.62 เห็นว่า ความปรองดองของคนในชาติจะเกิดขึ้นได้ คนในชาติต้องสมัครสมานสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจกันฟื้นฟูประเทศ, ร้อยละ 57.78 เห็นว่าอุปสรรคสำคัญต่อการปรองดองคือ ความแตกแยกทางความคิด และร้อยละ 41.33 เห็นว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้มีความสมหวังเรื่องความปรองดอง