รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบ ซึ่งมีประชาชนได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)แล้ว 150,000 ราย จากที่มีปัญหาหนี้นอกระบบประมาณ 300,000-500,000 ราย
นอกจากนี้ กระทรวงคลัง เสนอร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต สาระสำคัญ สืบเนื่องจากปัญหาการออกบัตรเครดิตของธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน หรือนอนแบงก์ ที่มีการขึ้นดอกเบี้ยสูงเกินมาตรฐานกระทบต่อผู้บริโภคจึงมีความพยายามที่จะดึงธุรกิจบัตรเครดิตหรือนอนแบงก์เข้ามาอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี จะเสนอแนวทางการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ซึ่งมีอยู่ 8 หมื่นล้านบาท โดยให้เกษตรกรผ่อนผันหนี้สินที่เป็นเงินต้น 50% โดยไม่คิดดอกเบี้ย ทั้งนี้จะเร่งปลดหนี้เกษตรกร 80,000 คน จากเกษตรกรทั้งหมด 510,000 คน
ด้านกระทรวงพาณิชย์ จะเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณามาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง แบบรายบุคคลให้สามารถขอสินเชื่อแบบผ่อนปรน เพื่อนำไปใช้สร้างอาชีพใหม่ตามโครงการ RAINBOW PROJECT (เรนโบว์ โปรเจค)วงเงินรายละไม่เกิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยพิเศษ MLR-3% และปลอดระยะเวลาส่งเงินต้นใน 2 ปีแรก
สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รายงานผลการช่วยเหลือผู้ประกอบที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยรายงานว่า มีผู้มาลงทะเบียนรับความช่วยเหลือ 2009 ราย โดยใช้งบประมาณ 100.45 ล้านบาท มีผู้รับเงินไปแล้ว 1,614 คน คิดเป็นเงิน 80.70 ล้านบาท ยังคงเหลือผู้ยังไม่ได้รับเงิน 391 คน ซึ่งจะยืดเวลารับเงินถึง 20 ส.ค. หากเกินกำหนดจะนำเงินส่งคืนคลัง
พร้อมกันนี้ คาดว่า ครม.จะมีการพิจารณามาตรการความช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว หลังจากที่ในการประชุมครั้งก่อนนายกรัฐมนตรีเห็นว่ามาตรการและงบประมาณที่เสนอมีจำนวนมากเกินไป จึงขอให้จัดกลุ่มอย่างชัดเจน เพราะจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบที่แท้จริงก่อน ซึ่งจะต้องกลับไปทบทวนใหม่ จากเดิมเสนอให้เอสเอ็มอีแบงค์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบรายย่อยในวงเงิน 10,000 ล้านบาท และรายใหญ่วงเงิน 10,000 ล้านบาท รวมถึงในกลุ่มของแรงงานด้านการท่องเที่ยวในวงเงิน 1,600 ล้านบาท เพื่อให้ครม.พิจารณาใหม่
ด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที อาจจะหารือนายกฯถึงแนวทางซื้อดาวเทียมไทยคม หลังจาก นายกฯมอบหมายให้กระทรวงไอซีทีและกระทรวงคลัง ไปหารือมาก่อนหน้านี้
กระทรวงคมนาคม เตรียมเสนอครม.อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ปรับปรุงโครงการงานระบบรางระยะ 5 ในเส้ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือช่วงแก่งคอย-แก่งเสือเต้น ช่วงสถานีสุรานารายณ์ -ชุมทางบัวใหญ่ และช่วงสถานีชุมทางถนนจิระ-ชุมทางบัวใหญ่ รวมระยะทาง 308 กม. วงเงิน 8,508 ล้านบาท และปรับปรุงะยะทางที่ 6 ช่วงสถานีบัวใหญ่-หนองคาย รวมระยะทาง 278 กม. วงเงิน 6,779 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี
คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) จะเสนอให้ครม.รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่างๆประจำปีงบประมาณ 2552 โดยขอความเห็นชอบตามข้อเสนอแนะของ ค.ต.ป.เพื่อให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีวาระรับโอนนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ไปนั่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำที่สำนักนายกฯ พร้อมกับจะมีวาระแต่งตั้งนายถนอม อ่อนเกตุพล นั่งเก้าอี้เลขารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(นายองอาจ คล้ามไพบูลย์)