นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการคลัง การเงิน การธนาคาร และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.เทคโนโลยีและสารสนเทศ และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา เลขานุการส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี กรณีให้ข่าวเรื่องการเจรจาขอซื้อหุ้น บมจ.ไทยคม(THCOM) ที่อาจเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ กรณีการใช้ข้อมูลภายใน(Insider)และการสร้างราคา(ปั่นหุ้น)
"จากข้อมูลทราบว่าก่อนที่นายกรณ์จะบินไปสิงคโปร์หุ้นตัวนี้มีภาวะการซื้อขายมากผิดปกติ และเมื่อมีการให้ข่าวว่าจะซื้อก็ได้ถีบตัวสูงขึ้นจากปกติซื้อขายสูงสุดเฉลี่ยไม่เกินวันละ 18 ล้านบาท แต่เมื่อการให้ข่าวมีการซื้อขายถึงวันละ 82 ล้านบาท ทีมเศรษฐกิจของพรรคเห็นว่าน่าจะมีการให้ข่าวมีผลต่อตลาดหุ้น มีลักษณะการใช้ข้อมูลเชิงลึก หรืออินไซด์เดอร์เทรดดิ้ง หาประโยชน์กับตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้นอมินีของนักการเมืองดำเนินการถือครองหุ้นแทน จึงขอให้กรรมาธิการตรวจสอบสิ่งผิดปกติดังกล่าว" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ไม่มีโอกาสได้ซักถามนายกรณ์โดยตรง เพราะได้รับแจ้งจากคณะกรรมาธิการฯ ว่าเป็นการเรียกชี้แจงคนละประเด็น แต่ขอฝากคำถามถึงนายกรณ์ว่าการเดินทางไปเจรจากับกลุ่มเทมาเส็คที่สิงคโปร์ไปในนามส่วนตัวหรือมติ ครม.
"นายกรณ์ถือเป็นเซียนหุ้นมาก่อน ต้องรู้ว่าก่อนจะให้ข่าวต้องมีการเจรจาจนตกลงกันได้แล้ว และท่านต้องรู้ว่าการให้ข่าวมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์อย่างไร กรณีที่เทมาเส็คเสนอให้นายกรณ์และคณะเปิดเจรจากับบริษัทชินฯและไทยคม แต่ทำไมถึงไม่ยอมเจรจา ทำไมต้องไปคุยกับเทมาเส็กโดยตรง และสุดท้ายเมื่อซื้อไทยคมกลับมาแล้วการบริหารจัดการจะทำอย่างไร มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมาธิการฯ ได้เชิญนายกรณ์, ผู้แทนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ต.ล.ท.)และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ก.ล.ต.) มาชี้แจงนั้น คณะกรรมาธิการฯ จะตั้งประเด็นซักถามข้อมูลว่า การเดินทางไปเจรจาที่สิงคโปร์ไปในนามมติ ครม.หรือในนามส่วนตัว
"การออกมาพูดว่าจะไปซื้อทำให้เกิดความหวั่นไหวมีการเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต.เมื่อได้ยินเรื่องนี้ทำไมไม่ดำเนินการระงับยับยั้ง หรือแขวนหุ้นไทยคมเอาไว้ก่อน ซึ่งขั้นตอนปกติต้องดำเนินการเช่นนั้น หากชี้แจงไม่ชัดเจน หรือส่อว่าเข้าข้างรัฐบาล ซึ่งถือว่า ก.ล.ต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมารยาทของคนที่เป็น รมว.คลัง การพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ถือว่าทำให้มีส่วนได้ส่วนเสีย ปกติเขาจะไม่พูดกัน เป็นจรรยาบรรณของคนเป็น รมว.คลัง และยิ่งนายกฯมาพูดสำทับว่าต้องซื้อให้ได้ ถือเป็นการร่วมดำเนินการนายกรณ์ จึงสงสัยว่าจะเป็นการทำผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ เรื่องนี้คณะกรรมาธิการต้องตรวจสอบให้สังคมเห็นว่าท่านเหมาะสมจะเป็น รมว.คลังต่อไปหรือไม่ อย่างน้อยพวกแมงเม่าก็จะไม่ตายกันหมด เพราะขณะนี้ชัดเจนแล้วว่าราคาตกลงมามาก" นายสุพงษ์ กล่าว