นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)จะรายงานผลการทบทวนการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในหลายพื้นที่ก่อนที่จะครบกำหนดในวันที่ 7 ก.ค.53 หลังจากประกาศใช้มาเป็นเวลา 3 เดือนตั้งแต่ 7 เม.ย.53 โดยยอมรับว่าอาจมีหลายพื้นที่น่าจะยกเลิกกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวได้
"คงจะเสนอเรื่องเข้า ครม.ในสัปดาห์หน้า ก่อนครบกำหนด แต่ไม่รู้ว่าศอฉ.จะสรุปอย่างไร เชื่อว่าหลายพื้นที่จะสามารถยกเลิกได้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนความเคลื่อนไหวการก่อเหตุที่ยังมีอยู่นั้น ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ประเมินไว้อยู่แล้ว โดยได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้กวดขันดูแลอย่างเข้มงวด และชี้แจงประชาชนที่มีความเห็นต่างว่ารัฐบาลมีกระบวนการแก้ไขปัญหาเรื่องดังกล่าว การใช้ความรุนแรงมาแก้ไขปัญหาจะไม่ทำให้ใครได้ประโยชน์ แต่กลับทำให้ประเทศชาติยิ่งเสียหายมากขึ้น
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า สถานการณ์ในขณะนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุน เนื่องจากต่างชาติมองเห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาล และมีความเข้าใจดี โดยมองถึงลู่ทางการลงทุนและศักยภาพของไทยในระยะยาวที่ยังดีอยู่ ซึ่งรัฐบาลได้พยายามบริหารจัดการให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนมากขึ้น
สำหรับผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนของกรุงเทพโพลล์ต่อผลการทำงานรัฐบาลในช่วง 1 ปีครึ่งที่คะแนนไม่ถึงครึ่งนั้น นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงเดือนที่ผ่านมาถือว่ามีความรุนแรง ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ดูเหมือนว่าจะตัดสินใจล่าช้า
แต่ในความจริงนั้น รัฐบาลไม่ได้ลังเลหรือไม่กล้าตัดสินใจ เพียงแต่บางครั้งการตัดสินใจก็ไม่สามารถสื่อออกมาให้สังคมรับรู้ได้ อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังคงยึดผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย
วานนี้(23 มิ.ย.) กรุงเทพโพล์ เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนพบว่านายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ได้คะแนนการทำงานในช่วง 1 ปี 6 เดือนไม่ถึงครึ่งจากคะแนนเต็ม 10 โดยรัฐบาลได้คะแนนความเด็ดขาดและกล้าตัดสินใจน้อยที่สุด ขณะที่ได้คะแนนความซื่อสัตย์สุจริตมากที่สุด