นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) แถลงว่า คณะทำงานด้านกฎหมายของพรรคได้ติดตามคดีของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ที่มีการยึดทำเนียบรัฐบาล, ยึดสนามบิน ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติจนมีการดำเนินคดีในฐานะผู้ก่อการร้ายและผู้ก่อการร้ายสากล ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับการดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ที่ชุนนุมมา 2 เดือน แต่ปรากฎว่าคดีของแกนนำพันธมิตรฯ ที่ผ่านไป 1 ปีกับ 6 เดือนกลับยังไม่มีความคืบหน้าหรือออกหมายจับแกนนำได้ และสำนวนที่ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ได้ส่งไปแล้วกลับถูกยับยั้ง
"การที่ตำรวจไม่ดำเนินการ น่าเชื่อว่าเป็นคดีที่มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง บางคนมีตำแหน่งในรัฐบาล ดังนั้นคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย จะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีวันพรุ่งนี้(30มิ.ย.) เวลา 10.00 น. เพื่อให้มีการเร่งรัดดำเนินคดีกับแกนนำพันธมิตรฯ ทั้งที่คดีเกิดก่อน นปช. เพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมและเกิดความเป็นธรรม ยึดหลักนิติรัฐและนิติธรรม ไม่เลือกปฎิบัติสองมาตรฐาน พร้อมจะได้เสนอให้นำคดีของแกนนำพันธมิตรฯ เป็นคดีพิเศษด้วย" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ จากกรณีที่มีการติดตามตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยงมีการะงับการทำธุรกรรมทางการเงินทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจ 83 รายนั้น เห็นว่าควรมีการตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยงในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยาวนาน 193 วันด้วยว่าเอาเงินมาจากไหน และทราบว่ามี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมสนับสนุนบริจาคสิ่งของด้วย
ทั้งนี้จะให้เวลาภายใน 7 วัน ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการใดๆ จะถือว่าละเว้นในการปฎิบัติหน้าที่ ทางพรรคฯ จะได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และเข้าชื่อ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวน 1 ใน 4 เพื่อให้วุฒิสภาดำเนินการถอดถอนต่อไป
"การปรองดองจะเกิดขึ้นได้จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายโดยไม่เลือกปฎิบัติ ถ้ารัฐบาลจริงใจปรองดอง ไม่ใช่แค่สร้างภาพ จะต้องไม่ยืดการดำเนินคดีแกนนำพันธมิตรฯ แต่ไปเร่งรัดเฉพาะคดีฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล" โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ