นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเหตุการณ์ยิงระเบิดอาร์พีจีใส่คลังน้ำมันกองทัพบกที่ จ.นนทบุรีวานนี้ว่า เชื่อว่าสัญญาณความรุนแรงเกิดต่อเนื่องจากการระเบิดที่พรรคภูมิใจไทย และคาดว่าจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไม่ใช่มีมือของคนธรรมดาอย่างแน่นอน ต้องเป็นคนที่ได้รับการฝึกฝนพอสมควร ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถใช้อาวุธเหล่านี้ได้
กระบวนการนี้ยังคงอยู่ตราบใดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำตัวจริงยังไม่ส่งสัญญาณหรือตอบรับกระบวนการปรองดองของรัฐบาล เชื่อว่าจะทำให้ลิ่วล้อเคลื่อนไหวต่อไป ดูได้จากการเคลื่อนไหวคู่ขนานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามใช้สื่อในต่างประเทศหรือล็อบบี้ยิสต์ในการเคลื่อนไหวในลักษณะให้ข้อมูลบิดเบือนต่อต่างชาติเพื่อโจมตีรัฐบาลและประเทศไทย
นอกจากนั้น ยังมีการเคลื่อนไหวของนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ที่จะรวบรวมเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงการชุมนุมเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลโลก, จัดกิจกรรมตลอดเวลาโดยใช้งานบุญเป็นเครื่องมือบังหน้าให้ญาติหรือแกนนำสำคัญเป็นประธาน เป็นการทดสอบเพื่อหยั่งกระแสหรือเช็กเรตติ้งกลุ่ม นปช.
และ ออกสื่อเรดพาวเวอร์หลังศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินสั่งปิดสื่อในเครือ พ.ต.ท.ทักษิณไป เพื่อใช้เป็นช่องทางส่งสัญญาณให้มีการเคลื่อนไหวมีเป้าหมายต้องการล้มรัฐบาลให้ได้
ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษก็คือกลุ่มคนมีสีที่จงรักภักดี พ.ต.ท ทักษิณที่ยังไม่ยอมเลิกราและไม่ยอมแพ้ เพราะมีความเจ็บแค้นพร้อมต่อต้านรัฐบาลต่อไปอีก
นายเทพไท กล่าวว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงคิดว่าต้องสนับสนุนให้รัฐบาลคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มิฉะนั้นจะไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่จะจัดการกับสถานการณ์เหล่านั้นได้ และอยากเรียกร้องไปยังนักวิชาการบางคนที่ออกมาเคลื่อนไหวให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อให้มีบรรยากาศความเป็นประชาธิปไตย จึงอยากถามว่าถ้ารัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.เพื่อให้บ้านเมืองมีบรรยากาศความเป็นประชาธิปไตยแล้วเกิดความไม่สงบขึ้น นักวิชาการจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร