ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.)ยอมรับว่า การสร้างความปรองดองภายในชาติขณะนี้ถือเป็นงานหนักเหลือกำลังที่รัฐบาลจะแบกรับไว้ได้เพียงลำพัง เนื่องจากขณะนี้สังคมเกิดความแตกแยกทางความคิดขั้นรุนแรง
"ยากจริงๆ เลยเรื่องการปรองดอง กรรมการที่ตั้งไว้ก็ต้องเหนื่อย ไม่รู้ว่าชาตินี้จะปรองดองได้หรือเปล่า ดูแล้วชาตินี้คงปรองดองยาก ความคิดเห็นต่างกันก็ปรองดองกันไม่ได้...แต่ถ้ายอมๆ เขาหมด ใครว่าอย่างไรมาก็ยอมกันหมดก็โอเคอย่างนั้นปรองดองได้"นายบรรหาร ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ชทพ.กล่าว
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ชทพ.กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ถือว่ายังดีและเรียบร้อยอยู่ ส่วนที่ข่าวจะมีการก่อวินาศกรรมหลายแห่งนั้นคิดว่าคงไม่น่ามี เพราะเป็นช่วงที่มีการบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ได้พยายามติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
"รัฐบาลเองคงยังไม่อยากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯในขณะนี้ เพราะหากยกเลิกไปแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่" นายบรรหาร กล่าว
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ชทพ.กล่าวว่า ถึงอย่างไรในอนาคตรัฐบาลคงต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่จะต้องดูจังหวะเวลาให้สถานการณ์นิ่งกว่านี้ก่อน ส่วนจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนคงตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งหากสถานการณ์สงบเรียบร้อยก็สามารถยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ และหากมีการเลือกตั้งใหญ่ก็คงถึงเวลาที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
"หากมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็กระทบกับการท่องเที่ยว เรื่องนี้มันแย้งกันกับเรื่องความมั่นคง เพราะต่างประเทศเข้าไม่มั่นใจถ้า พ.ร.ก.ฉุกเฉินยังอยู่ แต่ความจริงกระทบก็คงกระทบไม่มากเพราะส่วนใหญ่ขณะนี้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาแล้ว" นายบรรหาร กล่าว
ส่วนกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้ระเบิดอาร์พีจียิงใส่คลังน้ำมันกรมพลาธิการนั้น นายบรรหาร กล่าวว่า รู้สึกว่าอาวุธสงครามเป็นของหากันได้ง่ายเหลือเกิน อยู่ที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจะต้องดูแลให้มีความเรียบร้อย แต่คงไม่ใช่เรื่องการจัดฉากของรัฐบาลตามที่มีข้อกล่าวหา