นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) พร้อมด้วยคณะทำงานฝ่ายกฎหมายฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกกล่าวหาในคดีก่อการร้ายกรณีบุกยึดสนามบินเป็นคดีพิเศษ รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงินสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และเร่งรัดติดตามตัวนางภคินี สุวรรณภักดี มารดาของนายอรรถวิทย์ สุวรรณภักดี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กลับมาดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงธนาคารมหานคร
"ที่ผ่านมามีปัญหาการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นสองมาตรฐานส่งผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคมและความแตกแยกในหมู่ประชาชนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะรัฐบาลที่มีนายอภิสิทธิ์เป็นผู้นำมีการใช้กฎหมายในลักษณะเลือกปฏิบัติระหว่างฝ่ายสนับสนุนและ ฝ่ายต่อต้านรัฐบาล" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
โฆษกพรรค พท.กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผ่านมามีการบุกยึดทำเนียบรัฐบาล สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และสถานที่ราชการอื่นๆ สร้างความเสียหายกว่าสองแสนล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อหาก่อการร้ายกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ หลายคน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับเลย ทั้งที่เรื่องเกิดมาตั้งแต่ปี 51 แต่ในทางตรงกันข้าม กลุ่ม นปช.ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายและนำไปเป็นคดีพิเศษ นอกจากนี้ยังเร่งจับกุมและดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว
"เมื่อเปรียบเทียบกับคดีกลุ่มพันธมิตร จึงเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลเลือกปฏิบัติ ที่สำคัญรัฐบาลยังได้ใช้คำสั่งในการห้ามทำธุรกรรมทางการเงินกับบุคคลและนิติบุคคล โดยที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย แต่กรณีของกลุ่มพันธมิตร ตำรวจสันติบาลได้ส่งรายชื่อบุคคล องค์กร ห้างร้านจำนวน 78 รายชื่อให้แก่ พล.ต.อ.ปทีบ ตันประเสริฐ ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 51 แต่รัฐบาลนี้กลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ กับบุคคลเหล่านี้" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
ส่วนกรณีของนางภคินี สุวรรณภักดี ที่ถูกฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาทุจริตในการอนุมัติสินเชื่อ ฉ้อโกง และข้อหาอื่นๆอีกหลายข้อหา แล้วผู้ต้องหาหลบหนีไม่ไปศาล ศาลได้ออกหมายจับตั้งแต่ปี 50 เป็นต้นมา มูลค่าความเสียหายในคดีดังกล่าวมากกว่า 4,000 ล้านบาท ถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญคดีหนึ่ง
"ตั้งแต่รัฐบาลนี้ได้เข้ามาบริหารประเทศ ไม่ได้ให้ความสนใจที่จะติดตามตัวนางภคินีมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งที่มีการยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์และนายกษิต รมว.ต่างประเทศ ให้ห้ามบุคคลดังกล่าวออกนอกประเทศ แต่ในส่วนคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีโทษจำคุกเพียง 2 ปี กลับใช้ความได้เปรียบทางการเมืองไล่ล่าเสมือนเป็นอาชญากรสำคัญ" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่ารัฐบาลนี้ได้บังคับกฎหมายเป็นสองมาตรฐานหรือไม่ ตนเองจึงขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการในคดีเหล่านี้บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอย่างตรงไปตรงมาด้วยความเสมอภาค และไม่เลือกว่าเป็นฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลหรือฝ่ายต่อต้านรัฐบาล เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับประชาชนทุกฝ่าย
"หากนายอภิสิทธิ์ไม่ดำเนินการใดๆ ภายใน 7 วัน ถือว่ามีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และบังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติ ผมและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ออกจากตำแหน่ง และยื่นข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินคดีต่อไป" นายพร้อมพงศ์ กล่าว