พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2553 ในส่วนของงบกลาง ซึ่งทางกมธ.ให้ความสนใจในประเด็นการเบิกจ่ายงบประมาณของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดยเชิญ นายธรรมศักดิ์ สัมพันธ์สันติกุล ผู้อำนวยการ สำนักจัดทำงบประมาณด้านบริหาร นางดวงตา ตันโช ผู้อำนวยการส่วนสำนักนโยบายและงบกลาง น.ส.กัลยา ฟองสมุทร ผู้อำนวยการ สำนักจัดทำงบประมาณด้านความมั่นคง และ นายสารสิน ศิริถาพร ผู้อำนวยการ ส่วนงบประมาณกลาโหม มาชี้แจง
ในที่ประชุม กมธ.ส่วนใหญ่ได้สอบถามตัวแทนจากสำนักงบประมาณว่า ตั้งแต่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและตั้ง ศอฉ.ขึ้นมามีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อใช้ในการบริหารจัดการไปแล้วทั้งหมดเท่าไหร่ รวมถึงความแตกต่างระหว่างตัวเลขเบี้ยเลี้ยงของกำลังพลทหารและตำรวจที่ทำงานให้กับ ศอฉ.กับผู้ปฎิบัติหน้าที่ในพื้นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะกำลังพลของ ศอฉ.ได้รับวัน 400 บาท ขณะที่ในพื้นที่ภาคใต้ได้เพียง 210 บาทเท่านั้น
ทั้งนี้ คาดว่าน่ามีการใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้สรุปตัวเลขงบประมาณดังกล่าวอย่างเป็นทางการ เพราะตอนนี้ ศอฉ.ยังคงปฎิบัติหน้าที่อยู่ ส่วนเรื่องเบี้ยเลี้ยงนั้นเป็นข้อตกลงที่กองทัพบกและหน่วยงานความมั่นคงได้มาทำความตกลงไว้กับกระทรวงการคลังและเสนอมาให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้ตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมสัปดาห์หน้า (8 ก.ค.) จะเชิญผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังมาชี้แจงมาชี้แจงถึงความจำเป็นในการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากให้กับ ศอฉ. ว่ามีความจำเป็นหรือไม่ เพราะส่วนตัวเห็นว่าการยังบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตอนนี้เป็นการทำให้สิ้นเปลืองภาษีของประชาชนโดยไม่จำเป็นจากการที่ต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้กับกำลังพลของ ศอฉ.กว่า 6 หมื่นนายในช่วงที่สถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว
"ประเด็นที่สำคัญ คือ กระทรวงการคลังและรัฐบาลไม่ควรปล่อยให้เกิดความเหลื่อมล้ำในเรื่องตัวเบี้ยเลี้ยงของกำลังพลมากมายขนาดนี้เพราะจะกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ากำลังพลที่ปฎิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความเสี่ยงมากกว่า" พ.ต.ท.สมชาย กล่าว