นางอังเกล่า แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ผ่านบททดสอบทางการเมืองครั้งล่าสุดไปแบบหืดขึ้นคอ หลังจากที่นายคริสเตียน วูล์ฟ ซึ่งเป็นผู้ที่เธอเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ คว้าชัยในการเลือกตั้งได้อย่างเฉียดฉิว
โดยเมื่อวานนี้สภาสมาพันธรัฐ ซึ่งประกอบด้วยตัวแทน 1,244 คนจากทั้งรัฐสภาและรัฐต่างๆ ได้ใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมงในการลงคะแนนแบบลับเพื่อเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งต้องเสร็จสิ้นภายในการลงคะแนน 3 รอบ โดยผู้ชนะต้องได้เสียงข้างมากแบบสมบูรณ์ (absolute majority) คือเกินครึ่งหนึ่งในรอบแรกและรอบที่สอง ส่วนรอบที่สามแค่ได้เสียงข้างมากโดยสัมพัทธ์ (relative majority) หรือได้คะแนนมากที่สุด ก็จะได้เป็นประธานาธิบดี
วูล์ฟไม่สามารถครองคะแนนโหวตได้เกินครึ่งใน 2 รอบแรก แต่ในรอบสุดท้ายวูล์ฟเอาชนะ Joachim Gauck นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคฝ่ายค้าน ไปด้วยคะแนน 625 เสียงต่อ 494 เสียง ส่งผลให้ วูล์ฟ ได้รับการประกาศให้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของเยอรมนี ซึ่งก่อนการเลือกตั้งครั้งนี้มีประธานาธิบดีเพียง 2 จาก 13 คนนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2492 ที่ต้องลงคะแนนถึงรอบที่ 3
การเลือกประธานาธิบดีครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของรัฐบาลนางแมร์เคล ซึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หลังประสบความล้มเหลวในการเลือกตั้งท้องถิ่น นอกจากนั้นยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องการรับมือกับวิกฤตหนี้สินในยูโรโซน ขณะเดียวกันพรรคร่วมรัฐบาลก็ขัดแย้งกันเองเรื่องนโยบายต่างๆ ตั้งแต่นโยบายสาธารณสุขไปจนถึงการลดภาษี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลลดลงมาก
ทั้งนี้ อดีตประธานาธิบดี ฮอร์ส โคห์เลอร์ ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากที่เขากล่าวในระหว่างการเยือนอัฟกานิสถานว่า การส่งทหารออกปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานเป็นสิ่งที่สมควร เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ด้านการค้าของเยอรมนี ซึ่งความเห็นดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก