นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุเหตุผลที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เสนอให้รัฐบาลคงประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สำหรับพื้นที่ 24 จังหวัดออกไปอีก 3 เดือนนั้น เนื่องจากยังไม่สามารถจับกุมตัวแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงคนสำคัญได้
"สถานการณ์แต่ละพื้นที่มีความหนักเบาไม่เหมือนกัน ศอฉ.มองในภาพรวมแล้วเห็นว่าขบวนการที่คิดร้ายกับบ้านเมืองยังคงดำรงอยู่และมีเป้าหมายชัดเจน แม้แกนนำฯ บางส่วนจะเดินทางไปต่างประเทศหรือถูกจับกุมตัวแล้ว แต่ยังมีแกนนำฯ บางระดับที่ไม่มีหลักฐานสาวไปถึง คนเหล่านี้เป็นคนในขบวนการในระดับสั่งการ ในการจ่ายเงิน และในการกำกับ" นายสุเทพ กล่าว
นอกจากนั้น ศอฉ.ยังมีความกังวลเรื่องอาวุธของทางราชการที่หายไปในช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ได้แก่ ปืนเอ็ม 16 และปืนทราโว่ จำนวนราว 27 กระบอก และปืนลูกซองอีกจำนวนหนึ่ง
นายสุเทพ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้สร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลให้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไป โดยเฉพาะกรณีที่มีคนร้ายใช้จรวดอาร์พีจียิงเข้าไปในคลังน้ำมันกรมพลาธิการ
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณีที่ทางการกัมพูชาส่งตัว 2 ผู้ต้องหาคดีจ้างวานวางระเบิดที่ทำการพรรคภูมิใจไทยให้ไทยว่า จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถสาวไปถึงตัวผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังได้ เพราะได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายได้ร่วมกระทำความผิดจริง
ส่วนแกนนำกลุ่ม นปช.ที่หลบหนีเข้าไปอยู่ในประเทศกัมพูชานั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะตอบได้ว่าจะสามารถจับกุมตัวกลับมาดำเนินคดีได้หรือไม่ ขณะเดียวกันยังไม่สามารถตอบได้ว่าการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-กัมพูชากลับมาสู่ภาวะปกติจนถึงขั้นที่ไทยจะส่งเอกอัครราชทูตกลับไปประจำที่กรุงพนมเปญหรือไม่
"มีพยานหลักฐานที่จะสาวไปหาผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ ได้มากขึ้น ส่วนการประสานทางการกัมพูชาให้จับกุมตัวคนอื่นที่ยังหลบหนีอยู่เป็นเรื่องที่ตอบไม่ได้" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ ปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านเกี่ยวกับการจับกุมผู้ชุมนุมไปกักขังในค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี แต่เห็นว่าเป็นความพยายามที่จะสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ และพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้
"ผมตอบได้เลยว่าโกหก คนฟังต้องมีวิจารณญาณดีๆ การที่จะเอาคนไปอยู่ในคุกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ใครเอาข่าวนี้มาปล่อย โกหกแน่นอน" นายสุเทพ กล่าว