นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีมติให้ต่ออายุพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินใน 19 จังหวัดออกไปอีก โดยเชื่อว่าไม่สามารถป้องกันคนที่คิดจะกระทำก่อการร้ายได้ เพราะหากจะมีการยิงนายกฯหรือบุคคลระดับสูงของรัฐบาลตามที่ฝ่ายรัฐออกมาให้ข่าว ก็คงไม่จำเป็นต้องทำในพื้นที่ กทม. หรือในเขตจังหวัดที่คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไว้
แต่การคงกฎหมายฉบับนี้ไว้กลับยิ่งกระทบต่อความน่าเชื่อถือรัฐบาล และเปิดช่องให้คนที่จ้องหาโอกาสดำเนินการได้ ที่สำคัญเป็นการขัดต่อกระบวนการยุติธรรม จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณาทบทวน เพราะถึงจะมีกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ เจ้าหน้าที่สามารถใช้กฎหมายปกติจัดการกับผู้ก่อเหตุได้อยู่แล้วหากจะทำจริงๆ
เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลต้องการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อไล่บี้ฝ่ายตรงข้าม นายนิคม กล่าวว่า ตราบใดที่ยังพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลไม่สามารถบรรลุผลตามแผนปรองดองได้ เพราะยังมีการใช้อำนาจใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเพื่อกดฝ่ายตรงข้าม
ด้านนายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ และประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์การเมือง วุฒิสภา กล่าวว่า การจะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงว่าประเทศขณะนี้อยู่ในช่วงที่มีสภาพรุนแรงอันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินจริงหรือไม่
"จริงอยู่ที่มีการก่อเหตุไม่สงบบ้าง แต่ไม่น่าจะเข้าเงื่อนไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หากนายกฯ มองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงก็ใช้กฎหมายอื่นจัดการเต็มที่ ก็น่าจะพอ ถ้าคิดว่าไม่พอก็ใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงได้"นายจิตติพจน์ กล่าว
โดยส่วนตัวคิดว่าไม่มีเหตุจำเป็นต้องยืดอายุพ.ร.ก.ฉบับนี้ออกไปอีก เชื่อว่ารัฐบาลเพียงต้องการกระชับอำนาจให้เด็ดขาด แต่ต้องแลกกับผลกระทบเชื่อมั่นของประเทศ ยิ่งคงกฎหมายนี้ไว้บวกกับรัฐบาลยังคงป่าวประกาศเรื่องก่อการร้าย ทำให้ต่างชาติมองตรงกันหมดว่าเป็นการใช้กฎหมายติดหนวด ที่อยากจะเซ็นเซอร์สื่อ สอบธุรกรรมการเงิน หรือกักตัวใครก็ได้ที่ตัวเองสงสัย
นายจิตติพจน์ กล่าวต่อว่า เท่าที่ติดตามบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศหลายแห่งไม่มีใครสนับสนุนให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เลย ซึ่งล่าสุดก็กระทบไปยังวงการกีฬาแล้ว เพราะทีมฟุตบอลรีล มาดริด ก็ได้ระงับการเดินทางมาเยือนเมืองไทยโดยไม่มีกำหนด
ส่วนคณะกรรมการฯจะยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิเพื่อกดดันให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯหรือไม่นั้น นายจิตติพจน์ กล่าวว่า ต้องรอประธานวุฒิสภาเดินทางกลับจากไปเยือนต่างประเทศก่อน ซึ่งตนและกรรมการฯหลายคนเห็นตรงกันว่าต้องยกเลิกทันที แต่จะขอหารือในที่ประชุมอีกครั้ง