นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เป็นประธานการประชุมคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับ 18 หน่วยงาน จำนวน 204 คน เพื่อเปิดคดีและวางแนวทางการสอบสวนคดีการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐโดยมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์(คดีล้มเจ้า)โดยการสอบสวนจะใช้แผนผังศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นตัวตั้งในการขยายผลทางคดี
สำหรับพฤติการณ์การกระทำความผิดในคดีแยกเป็น 2 ช่องทางหลัก ได้แก่ 1. การเผยแพร่โดยตรง เป็นการสื่อสารไปยังประชาชนโดยตรง เช่น การพูดหรือปราศรัยในที่สาธารณะ การเผยแพร่บทความใบปลิว การให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ การจัดรายการวิทยุ การจัดรายการโทรทัศน์ เป็นต้น
2. การเผยแพร่บนระบบอินเตอร์เน็ต เช่นการจัดทำเว็บไซต์หรือเว็บบอร์ดที่มีข้อความแสดงความอาฆาตมาดร้าย การเผยแพร่ภาพที่ไม่บังควร การเผยแพร่บทความหนังสือ คลิปวีดีโอ อีเมล์ การจัดรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ผ่านระบบออนไลน์ที่มีลักษณะแสดงความอาฆาตมาดร้าย ซึ่งการเผยแพร่ข่าวสารมีจำนวนมากเกิดผลกระทบอย่างกว้างขวาง
นายธาริต กล่าวว่ายืนยันว่า การทำงานของดีเอสไอยึดความเป็นกลางให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยจะพิสูจน์ความจริงแยกผู้บริสุทธิ์ให้เป็นสีขาวและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกลุ่มสีดำ อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการกล่าวหาเป็นสีเทาอย่างที่เป็นอยู่
อย่างไรก็ตาม คดีการกระทำความผิดเกี่ยวกับสถาบันมีอุปสรรคตรงที่กลุ่มผู้กระทำผิดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยง การสอบสวนจึงไม่ง่ายเหมือนการกระทำผิดเป็นรายบุคคล นอกจากนี้ยังมีหลักฐานบ่งชี้ว่า มีการเงินเข้ามาสนับสนุน เบื้องต้น ดีเอสไอจะสอบปากคำเจ้าหน้าที่ศอฉ.เพื่อตรวจสอบข้อมูลในฝ่ายของผู้กล่าวหาให้ชัดเจนก่อนออกหมายเรียกผู้มีรายชื่อในแผนผัง ของศอฉ.เข้ามาพบ เพื่อไม่ให้การทำงานเป็นลักษณะการเหวี่ยงแห