นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะทำงานร่วมระหว่าง กกต.กับ อัยการสูงสุดในคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ข้อสรุปว่าจะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ โดยหลังจากนี้จะนำข้อสรุปดังกล่าวที่ได้เสนอต่อนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
"คณะทำงานเสนอให้ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ อัยการจะเป็นคนส่งฟ้องเองสำหรับเงินก้อนนี้(258 ล้านบาท) แต่ต้องส่งผลการพิจารณาของคณะทำงานไปให้ท่านอภิชาต ในฐานะนายทะเบียนฯ ก่อน" นางสดศรี กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
ด้านนายวิจิตร วิชัยสาร หัวหน้าคณะทำงานร่วม กกต.และอัยการสูงสุด กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันเป็นที่ยุติว่าสมควรเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีคำสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ โดยระหว่างนี้จะเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร และจะนำเสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองก่อนวันที่ 13 ก.ค. ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 30 วันตามกำหนดเวลาที่กฎหมายบัญญัติไว้ ก่อนจะแจ้งต่ออัยการสูงสุดให้ดำเนินการยื่นเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
ทั้งนี้ แม้พยานปากสำคัญ เช่น นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหาร บมจ.ทีพีไอโพลีน, นายประจวบ สังข์ขาว ผู้บริหาร บริษัท แมส ไซอะฯ ไม่มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมตามที่คณะทำงานมีหนังสือเชิญ แต่ฝ่ายอัยการก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจ เพราะที่ผ่านมาก็ได้พยานหลักฐานรอบข้างมากพอสมควรแล้ว และเห็นว่าเพียงพอต่อการวินิจฉัย
นายวิจิตร กล่าวว่า ในการประชุมของคณะทำงานร่วมวันนี้ ทางฝ่ายอัยการไม่ได้มีท่าทีที่ไม่เห็นด้วยต่อการเสนอยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่เหตุที่ต้องตั้งคณะทำงานร่วมชุดนี้เป็นเพราะฝ่ายอัยการต้องการความมั่นใจและต้องการที่จะเข้ามาหารือกับ กกต.ถึงประเด็นต่างๆและแนวทางในการทำงานร่วมกัน ซึ่งเหมือนกับการส่งคดียุบพรรคในหลายครั้งที่ผ่านมาที่ต้องคณะทำงานร่วมเพื่อให้เกิดความแน่ใจว่ามีการพิจารณาอย่างรอบคอบ