ศาลรัฐธรรมนูญนัด 23 ก.ค.เริ่มไต่สวนพยานปากแรกกรณีคำร้องที่ประธานวุฒิสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 กรณีสมาชิกภาพของ ส.ส. และ ส.ว.รวมทั้งหมด 45 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 119(5) และ106(6) เนื่องจากกระทำการต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 265(2) (4) ถือครองหุ้นในธุรกิจสื่อและบริษัทที่เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับรัฐหรือไม่
"ศาลจะเริ่มไต่สวนพยานในส่วนของผู้ร้องก่อน โดยกำหนดนัดไต่สวนพยานปากแรกในวันที่ 23 กรกฎาคม 2553 ซึ่งทางผู้ร้องยื่นบัญชีพยานมาทั้งหมด 24 ปาก แต่ที่ประชุมคณะตุลาการพิจารณาแล้วเห็นควรให้สอบพยานทั้งหมด 19 ปาก และจะไต่สวนต่อเนื่องทุกวันศุกร์จนเสร็จ แล้วจึงจะไต่สวนพยานของผู้ถูกร้อง ทั้งนี้ระหว่างการไต่สวนพยานผู้ร้องก็จะเปิดโอกาสให้ผู้รับอำนาจจากผู้ถูกร้องได้ซักค้านด้วย จากนั้นคณะตุลาการฯ ก็จะพิจารณาพยานฝ่ายผู้ถูกร้องว่าจะนำสืบจำนวนกี่ปากและกี่นัด ส่วนที่เหลือก็จะเป็นพยานของศาลที่องค์คณะเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาวินิจฉัยคดี เมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะเป็นการแถลงปิดคดี หากศาลเห็นว่าถ้าจำเป็นก็จะให้คู่กรณีได้แถลงหรือยื่นบันทึกปิดคดี และศาลก็จะกำหนดวันอ่านคำวินิจฉัย" ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวภายหลังนัดตรวจพยานกรณีดังกล่าวในวันนี้
ส่วนขั้นตอนการตรวจพยานหลักฐานที่เป็นเอกสารมี 2 ลักษณะ คือ เอกสารนำที่ระบุไว้ในบัญชีพยานและคู่กรณียังนำมามอบให้ศาลไม่ครบถ้วน ศาลขอให้นำส่งให้แล้วเสร็จภายในวันเดียวกันนี้ แต่หากยังไม่สามารถนำส่งได้ให้นำส่งได้อีกครั้งในวันที่ 14 ก.ค.53 เป็นวันสุดท้าย
สำหรับเอกสารที่เป็นพยานหมายเรียกที่คู่กรณียื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกไปยังบุคคล หรือหน่วยราชการที่ครอบครองเอกสารอยู่ ขณะนี้ติดขัดปัญหาว่ามีหลายรายการที่เรียกไปแล้วพบว่าเอกสารไม่ได้อยู่ในหน่วยงานที่ขอให้มีหมายเรียก และบางหน่วยงานแจ้งว่ายังต้องอาศัยเวลาในการค้นหาเอกสารดังกล่าว ดังนั้นเพื่อความรวดเร็วศาลให้เป็นหน้าที่ของคู่กรณีฝ่ายที่ขอให้ศาลเรียกเอกสารไปติดตามแล้วให้นำเอกสารดังกล่าวมาส่งมอบให้ศาลในวันที่ 14 ก.ค.53 เช่นกัน โดยในวันดังกล่าวหากคู่กรณีไม่สามารถนำส่งพยานเอกสารทั้ง 2 ลักษณะได้ ศาลก็ขอตัดออกจากบัญชีพยาน และหลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ศาลก็จะจัดทำหมายเอกสาร ซึ่งคู่กรณีสามารถตรวจสอบความถูกต้องของการทำหมายเอกสารได้ในวันที่ 21 ก.ค.53