รายงานข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำนักงานได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในช่วงบ่ายวันนี้ในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่คณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด(อสส.)กับกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้พิจารณารวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งมีข้อสรุปให้ส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการรับเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาท จาก บมจ.ทีพีไอโพลีน (TPIPL) ผ่านบริษัท เมซไซอะ บิซิเนส์ แอนด์ ครีเอชั่น จำกัด โดยทำสัญญาว่าจ้างทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามโครงการต่างๆ อันเป็นนิติกรรมอำพราง เพื่อหลีกเลี่ยงการรายงาน การรับบริจาคเงินตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ได้ลงนามคำสั่งให้นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการฝ่ายช่วยเหลือทางกฎหมาย, นายภาณุพงษ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ, นายกิตินันท์ ธัชประมุข อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 และนายสุกิจ นาพุก อัยการจังหวัดประจำกรมคดีพิเศษ 5 เป็นผู้มีอำนาจดำเนินคดีในศาลรัฐธรรมนูญ ตามที่อัยการสูงสุดได้ยื่นคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์
พรัอมกันนั้น อัยการสูงสุดยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งกรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบไม่สามารถขอจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมการขอจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่โดยมีกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ถูกยุบ รวมทั้งให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ขณะเกิดเหตุเป็นเวลา 5 ปี จากการที่มีส่วนร่วมรู้เห็น ปล่อยปละละเลย หรือ ทราบถึงการกระทำแล้วไม่ได้ยับยั้ง