นายก่อแก้ว พิกุลทอง ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขต 6 พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพได้เขียนจดหมายถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ทบทวนแผนปรองดองแห่งชาติเสียใหม่ เนื่องจากกระบวนการที่ผ่านมาเป็นการสูญเสียเวลาเปล่า
"ผมขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ทบทวนวิธีการแก้ปัญหาที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ 50 วันที่ผ่านมาประเทศไทยเสียเวลา โดยไม่ทำให้สถานการณ์ของประเทศดีขึ้น อย่าให้ประเทศต้องสูญเสียเวลาไปเปล่าๆ อีกเลย หลังจากที่สูญเสียหลายต่อหลายอย่างมามากแล้ว" นายก่อแก้ว ระบุในจดหมายฉบับดังกล่าว ซึ่งคนใกล้ชิดนำมาแจกจ่ายให้กับสื้อมวลชน
นายก่อแก้ว ระบุว่า ได้เฝ้าติดตามการแก้ปัญหาวิกฤติทางสังคมของรัฐบาลแล้วไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นเวลากว่า 50 วัน แล้วนับจากวันสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ด้วยวิธีการที่ไร้ไมตรี ถือว่าเป็นการประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างสิ้นเชิงระหว่างรัฐบาลซึ่งถูกมองว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มคนเสื้อเหลืองกับผู้ชุมนุมเสื้อแดง
"วิกฤติทางสังคมครั้งรุนแรงที่สุดครั้งนี้เป็นความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างฝ่ายเสื้อเหลืองกับฝ่ายเสื้อแดง แต่ผมแปลกใจที่รัฐบาลเสนอแผนปรองดอง โดยไม่มีการพูดคุยกับฝ่ายเสื้อแดงซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง แล้วจะปรองดองกับใคร? จะปรองดองได้อย่างไร? แล้วจะคลี่คลายวิกฤติทางสังคมได้อย่างไร?" นายก่อแก้ว ระบุ
นายก่อแก้ว เชื่อว่า คนไทยทุกสีเสื้อ ไม่ว่าเหลือง แดง น้ำเงิน หรือสีใดๆ ล้วนแต่เป็นคนไทยที่เราไม่สามารถขจัดหรือผลักไสไล่ส่งไปที่ใดได้ เพราะพวกเขาทุกคนก็เป็นเจ้าของประเทศนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราต้องรับฟังและหาจุดร่วมในการดำรงค์อยู่ด้วยกัน ด้วยความสงบสุข ด้วยน้ำใจมิตรไมตรี ที่ครั้งหนึ่งคนไทยเคยมีเหลือเฟือ ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหาของชาติ ควรเร่งคลี่คลายปัญหาวิกฤติทางสังคมครั้งนี้ด้วยความจริงใจ เปิดกว้าง และสร้างสรรค์
"จริงใจ คือ มีเจตนาที่จะแก้ปัญหานี้อย่างแท้จริง เปิดกว้าง คือ เปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มที่มีส่วนร่วมในความขัดแย้งมาพูดคุยหาทางออกร่วมกัน สร้างสรรค์ คือ การร่วมมือหาทางออกด้วยความเข้าอกเข้าใจกัน มิใช่ด่า ทอโจมตีกันไปมา" นายก่อแก้ว ระบุ
นายก่อแก้ว ระบุว่า ขณะถูกคุมขังสูญสิ้นอิสรภาพในสถานที่แคบๆ แต่ดูเหมือนจิตใจของคนที่อยู่ข้างในไม่ได้แคบตาม ณ เรือนจำคลองเปรมมีป้ายเตือนใจไว้ว่า "อาฆาตบรรลัย อภัยหมดเวร" ซึ่งหวังว่าจะช่วยสะกิดใจคนไทยทุกสีที่อยู่ในโลกกว้างได้บ้างไม่มากก็น้อย