น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการสำนักปราบโกง(สปก.4-01)ของพรรคเพื่อไทย เรียกร้องรัฐมนตรีที่กำกับดูแลบมจ.การบินไทย (THAI) ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ในกรณีได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับการซื้อเครื่องบินแอร์บัส A330-300 จำนวน 8 ลำ แต่ทำการบินได้เพียง 3 ลำเท่านั้น ส่วนอีก 5 ลำต้องจอดทิ้งไว้ เนื่องจากยังไม่มีการติดตั้งเก้าอี้ผู้โดยสาร ทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนในการดูแลอย่างน้อย 10 รายการ
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้ถือหุ้นและพนักงานของบริษัท การบินไทย กรณีดังกล่าว เนื่องจากบริษัท โคอิโตะ อินดัสตรีย์ จำกัด ผู้ผลิตเก้าอี้ไม่สามารถส่งเก้าอี้ให้กับบริษัท แอร์บัส เพื่อติดตั้งให้กับเครื่องบินที่เหลือการบินไทยได้ตามเวลา แต่การบินไทย จำเป็นต้องรับมอบเครื่องบินที่ไม่มีเก้าอี้ทั้งหมดนี้เอาไว้ตั้งแต่ ธ.ค. 52 และ มี.ค. 53
แม้ว่าบริษัทโคอิโตะเป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจนี้สูง เมื่อมีปัญหาดังกล่าวย่อมมีสายการบินที่เสียหายจากการผิดสัญญาของบริษัทเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การบินไทยมีความเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า บริษัทโคอิโตะจะมีความสามารถในการจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดให้กับการบินไทยได้
นอกจากนี้ การบินไทยยังต้องเสียโอกาสในการให้บริการด้านการบินตามแผนของบริษัทจึงก่อให้เกิดความเสียหายให้กับรายได้ของบริษัทโดยตรง แทนที่จะสามารถนำรายได้ส่วนนี้มาชดเชยกับการขาดสภาพคล่องของบริษัท การบินไทยยังกลับต้องจ่ายเงินทั้งหมดในการรับเครื่องบินที่ไม่สามารถทำการบินได้ อีกทั้งยังต้องจ่ายค่าดูแลรายเดือนรวมทั้งดอกเบี้ยทั้งหมดในขณะที่ยังไม่สามารถนำเครื่องบินมาหารายได้อีกด้วย
ทั้งนี้หากเครื่องบินแอร์บัส A330-300 ให้บริการได้จะสร้างรายได้โดยเฉลี่ยเป็นเงิน 1,300 ล้านบาท/ปี แต่กรณีเครื่องบิน 5 ลำของการบินไทยที่ต้องจอดทิ้งไว้ แม้ว่าบริษัทโคอิโตะจะผลิตเก้าอี้ส่งมอบได้ในเวลาที่การบินไทยให้โอกาสคือ 20 ก.ย.2553 แต่ต้องผ่านขั้นตอนอีกจำนวนมาก คาดว่ากว่าจะให้บริการได้ประมาณกลางปี 2554
"พรรคเพื่อไทยจึงขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลบริษัทการบินไทยลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้เป็นการด่วนว่าเหตุใด ผู้บริหารจึงใช้เหตุผลในการรอ บริษัทโคอิโตะที่มีปัญหาดังกล่าวโดยให้โอกาสถึง 20 ก.ย. 2553 ทั้งๆที่สายการบินอื่นทยอยเลิกสัญญาตั้งแต่ทราบปัญหา"น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว