นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนในคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูงออกหมายเรียกนายพงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง "อ๊อฟ" หลังจากขึ้นพูดบนเวทีในงานรับรางวัลนาฏราช โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูงว่า ขณะนี้นายพงษ์พัฒน์ ไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่เป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาเพราะมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ ซึ่งปกติพนักงานสอบสวนต้องประมวลเรื่องทั้งหมด และต้องมั่นใจว่าน่าจะเกิดการกระทำความผิดจริง ก่อนที่จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจง
ทั้งนี้เชื่อว่าประชาชนที่ได้ดูภาพและเสียงของนายพงษ์พัฒน์ ในการขึ้นรับรางวัลวันนั้น น่าจะเข้าใจเจตนาว่าต้องการพิทักษ์ ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนการเรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า "พ่อ" ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพราะถือเป็นลักษณะพิเศษของสังคมไทยที่ประชาชนมีความใกล้ชิดกับสถาบัน
นายคำนูณ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ดุลยพินิจในการตั้งข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และเชื่อว่าการออกหมายเรียกนายพงษ์พัฒน์ ครั้งนี้ไม่น่าจะส่งผลดีต่อสังคมโดยรวม เพราะประชาชนจะรู้สึกกังวลในการแสดงออกถึงความรู้สึกรักและต้องการพิทักษ์ปกป้องสถาบัน ซึ่งต่างจากคนที่ละเมิดจาบจ้วงที่ยังคงกระทำผิดอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมได้หมด
อย่างไรก็ดี คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล มีมติให้เชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และคดีของนายพงษ์พัฒน์ มาชี้แจงในสัปดาห์หน้าว่ามาตรฐานการสั่งคดีดังกล่าวถูกหลักธรรมาภิบาลหรือไม่
ขณะที่ในส่วนของคณะกรรมาธิการกรรมาธิการวิสามัญศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการเกี่ยวกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ จะหารือเรื่องดังกล่าวในการประชุมครั้งหน้า และอาจจะเชิญตำรวจที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงยุติธรรม รวมถึงรัฐบาลมาชี้แจงเพื่อให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการต่อไป