นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พร้อมและยินดีรับหากเสียงส่วนใหญ่ในพรรคเพื่อไทยจะเลือกตนเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แม้ไม่ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
"อยากอธิบายให้ชัดเจนว่าในระบอบประชาธิปไตย หลายๆประเทศ หัวหน้าพรรคกับแคนดิเดตผู้เป็นนายกฯหรือประธานาธิบดี เป็นคนละคนกัน เห็นได้จาก นายบารัค โอบามา ก็ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค เช่นเดียกันกับพรรคเพื่อไทยเมื่อถึงเวลาเลือกนายกฯเสียงคนในพรรค เสียงส.ส.ว่าอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น" นายมิ่งขวัญ กล่าว
นายมิ่งขวัญ ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าจะจับจับมือกับนายพายัพ ชินวัตร ประธานส.ส.พรรคภาคอีสานกับแหล่งทุนคนหนึ่ง เพื่อผลักดันให้ขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยะรบุว่าไม่ใช่วิธีคิดของตนเวง เพราะหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันคือนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ และมีกรรมการบริหารพรรคทำงานอยู่แล้ว ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ประเมินสถานการณ์ว่าเป็นไปได้ยากที่รัฐบาลจะยุบสภาภายในเดือน ส.ค.นี้ เพราะจะมีการเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนสิงหาคม ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2554 และจะต้องมีการโยกย้ายข้าราชการทหาร ตำรวจ อธิบดี ปลัดกระทรวง รวมทั้งตำแหน่งอื่นๆอีก เชื่อว่ารัฐบาลต้องการทำสิ่งเหล่านี้ให้เสร็จภายในเดือน ก.ย.และจะต้องดูบรรยากาศทางการเมืองก่อน
ทั้งนี้ หากงบประมาณไม่ผ่านฯ นายกฯ อาจต้องลาออกหรือไม่ก็ยุบสภาฯ ส่วนเรื่องการดำเนินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญ แต่เงื่อนไขทางการเมือง สภาพแวดล้อมทางสังคมต่างๆ ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ส่วนการฟันธงว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.270 เสียงนั้น นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จากการสัมมนาส.ส.มีการเสนอ คำถามว่าถ้ามีการเลือกตั้งคิดว่าพรรคเพื่อไทยได้กี่เสียง ก็ทำเป็นโมเดลกัน 150 170 200 250 ไปถึง 270 ซึ่งทุกคนก็อยากได้คะแนนเยอะที่สุดเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นทุกพรรคคงมีความใฝ่ฝัน อยากได้คะแนนเยอะเป็นธรรมดา เพราะจะเป็นรัฐบาลที่แข็งแรง เป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือมีพรรคร่วมน้อย ก็สามารถบริหารงานได้คล่อง บริหารประเทศได้ดี
"สิ่งที่ผมได้ประเมินไว้สำหรับพรรคเพื่อไทยคือ 250 เสียงขึ้นไป โดยถ้าอยากให้ได้ตามนั้น ส.ส.ทุกคนต้องทำงานหนัก ถึงเวลาแล้วที่ส.ส.ทุกคนต้องลงพื้นที่ พบปะพี่น้องประชาชน เพราะอย่างที่ผมบอกว่ายังมีอุบัติเหตที่อาจจะเกิดขึ้นกับรัฐบาล"นายมิ่งขวัญ กล่าว