นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กัมพูชา ควรจะกลับมายึดตามแนวทางที่ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ(MOU) ระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อปี 2543 ในการจัดทำหลักเขตแดนภายใต้คณะกรรมาธิการร่วมชายแดน (เจบีซี) ไทยกัมพูชา ก่อนที่จะมีการดำเนินการขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก และจะต้องยอมรับในการยื่นขอร่วมกับทางฝ่ายไทย
"ยังไม่คืบหน้า เราได้แสดงออกชัดเจนว่าการเดินหน้าจะมีการบริหารแผนอะไร จะเป็นไปได้ถ้าเขายอมรับการเป็นมรดกโลกทั้ง 2 ประเทศ"นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการมรดกโลก ได้เลื่อนการพิจารณาวาระคำขอของกัมพูชาจากวานนี้ หลังจากที่ไทยแสดงจุดยืนคัดค้านอย่างแข็งกร้าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการหารือนอกรอบกับทางกัมพูชากรณีปราสาทเขาพระวิหารแล้ว แต่ผลการหารือไม่คืบหน้า ซึ่งทางฝ่ายไทยยืนยันว่าหากต้องการมีการจัดการบริหารใดๆ ในพื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร ทางกัมพูชาต้องยอมรับในการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกันถึงจะเดินหน้าในการบริหารจัดการแผนต่างๆได้
ในส่วนการเตรียมความพร้อมฝั่งไทยในส่วนของหน่วยงานความมั่นคงนั้น ขณะนี้มีความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนหากเกิดเหตุการณ์ปะทะ