นายกรัฐมนตรี ระบุการที่คณะกรรมการมรดกโลกมีมติให้เลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรซึ่งเสนอโดยรัฐบาลกัมพูชาออกไปเป็นการประชุมที่ประเทศบาห์เรนในปีหน้า ย่อมเป็นผลดีต่อประเทศไทยเพราะทำให้มีเวลาในการศึกษารายละเอียดในเรื่องดังกล่าว เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรองรับการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
"เราสามารถนำเอกสารที่ยื่นมาไปศึกษารายละเอียด เรามีเวลาอีกหนึ่งปีที่จะดูข้อเสนอของเขาเพื่อที่จะสามารถจัดการบริหารในพื้นที่ได้ง่ายขึ้น" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สาเหตุที่มีเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปนั้นส่วนหนึ่งเป็นปัญหาเรื่อง MoU ปี 2543 ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้กัมพูชาไม่สามารถอ้างสิทธิ์ที่จะเข้าไปบริหารจัดการในพื้นที่ดังกล่าวได้ รวมถึงกรณีที่มีการส่งเอกสารดังกล่าวให้ที่ประชุมฯ ในเวลาที่กระชั้นชิดมากเกินไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองได้มอบหมายให้นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินหน้าผลักดันการดำเนินการตามเจตนารมย์ของ MoU ปี 2543 ตลอดจนแก้ไขปัญหากรณีที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาตั้งรกรากในพื้นที่พิพาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้ทางรัฐบาลกัมพูชาทบทวนความคิดที่จะเสนอให้มีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก เพราะการดำเนินการที่ผ่านมาของรัฐบาลกัมพูชาทำให้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตอาจมีโอกาสได้หารือเรื่องดังกล่าวกับนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็น