"นพดล"ชี้นายกฯเปลี่ยนจุดยืนเรื่องปราสาทพระวิหารบ่อย,ปัดทำให้ไทยรองบ่อน

ข่าวการเมือง Monday August 2, 2010 17:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ออกมาแถลงข่าวตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คกล่าวหาว่าเป็นผู้ที่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบประเทศกัมพูชา กรณีออกแถลงการณ์ร่วมฯ สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงฝ่ายเดียว โดยนำเอกสารลำดับความเป็นมากรณีดังกล่าวจำนวน 23 แผ่นมาแจกให้สื่อมวลชนประกอบการแถลงข่าว

"ความจริงอยากอยู่เงียบๆ แต่ถูกใส่ร้ายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเรื่องประสาทเขาพระวิหาร โดยขอชี้แจงความจริงโดยไม่มีความเชื่อ ไม่มีจินตนาการ ไม่มีการใส่ร้ายโดยไม่มีเอกสารทั้งสิ้น เสียใจที่นายกฯใส่ร้ายว่าแถลงการณ์ร่วมที่ไทยทำกับกัมพูชาเมื่อเดือนมิถุนายน 51 ทำให้ไทยเสียเปรียบ ซึ่งเป็นความเท็จ นายกฯ ยังคงนิสัยถาวรพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ผมไม่หล่อ แต่ไม่หลักลอย พูดอย่างไรก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเหมือนนายกฯ" นายนพดล กล่าว

ประเด็นแรก รัฐบาลและนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรฯ ซึ่งเป็นตัวแทนไปประชุมคณะกรรมการมรดกโลกทำได้ดีแล้วกรณีที่มีการเลื่อนวาระการพิจารณาแผนพัฒนาพื้นที่บริเวณประสาทพระวิหารที่รัฐบาลกัมพูชาเสนอออกไปเป็นปี 54 แต่ไม่อยากให้มีการฉลองชัยชนะกันจนเกินเหตุว่าเป็นความสำเร็จของรัฐบาล

อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากนี้ไปตลอด 1 ปี จะเป็นปีที่ประเทศไทยไม่เงียบเหงาในเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ความจริงจะไหลออกมาให้ประชาชนได้ทราบว่าใครพูดความเท็จ ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้รัฐบาลจะแก้ไขได้ง่ายๆ และอยากให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลจนถึงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกปี 2554 เพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้เสร็จ จะได้รู้ว่านายอภิสิทธิ์มีความสามารถในการแก้ไขหรือไม่ ไม่อยากให้รัฐบาลอื่นเข้ามาแก้

"เรื่องนี้นายกฯเปลี่ยนจุดยืนบ่อย สมัยเป็นท่านฝ่ายค้านปี 51 ได้ขอขึ้นทะเบียนร่วม แต่เมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมานายกฯบอกว่าขึ้นทะเบียนร่วมไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าพื้นที่ทับซ้อนส่วนไหนเป็นของใคร มาเมื่อ 3 วันที่ผ่านมาอยากจะขอขึ้นทะเบียนร่วม อยากถามว่าจะขอร่วมอะไร จะขึ้นแค่ตัวประสาทพระวิหารที่เราเสียไปแล้วเมื่อปี 2505 หรือจะขอขึ้นทะเบียนร่วมในพื้นที่ทับซ้อน เปรียบเสมือนว่าผมมีแฟนแล้วเพื่อนมาขอนอนกับแฟนจะยอมหรือไม่ มันเป็นไปไม่ได้ ที่ทางกัมพูชาก็คงคิดเช่นเดียวกัน" นายนพดล กล่าว

ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มพันธมิตรฯ และนายอภิสิทธิ์โจมตีเรื่องตนเองไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมฯ เมื่อมาถึงรัฐบาลนี้ต้องถามว่าทำอะไรไปบ้างเรื่องการแก้ปัญหาประสาทพระวิหาร

"ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ปากบอกจะขอขึ้นทะเบียนร่วม แต่นายอภิสิทธิ์เคยไปเจรจากับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชาหรือไม่ หรือสั่งให้คณะกรรมการมรดกโลกของไทยเตรียมเอกสารที่จะยื่นขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกับกัมพูชาหรือไม่ คำตอบก็ชัดเจนว่าไม่เคยสั่งการหน่วยงานใดๆ ของรัฐให้ไปดำเนินการ เพราะนายกฯไม่รู้จะไปร่วมกับกัมพูชาในประเด็นอะไร" นายนพดล กล่าว

อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นอกจากนั้นรัฐบาลยังไม่แจ้งไปทางยูเนสโกว่าจะขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกร่วมกัมพูชา หากมีเจตนาทำจริงต้องเริ่มตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะการยื่นเอกสารต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี ถ้าจะยื่นทันทีคงทำไม่ทัน

"ขอร้องนายอภิสิทธิ์อย่าใช้ประเด็นนี้ตีกินเพื่อหวังผลทางการเมือง" นายนพดล กล่าว

ส่วนกรณีที่นายกฯ กล่าวหาว่าตนเองไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมฯ แล้วทำให้เสียเปรียบกัมพูชานั้น นายนพดล กล่าวว่า ขอถามนายกฯ ที่พูดว่ายึดแผนที่ตามแนวสันปันน้ำทั้งหมด เมื่อหลังศาลโลกตัดสินให้ปราสาทเป็นของกัมพูชา ประเทศไทยก็ได้ยึดแผนที่แอล 7017

"ในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ได้ออกพระราชกฤษฎีกาประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติ มีแนบท้ายพื้นที่ใต้ปราสาทพระวิหารรวมให้กับทางกัมพูชาไปแล้วเมื่อปี 2541 เท่ากับว่าเรายกพื้นที่ใต้ปราสาทพระวิหารให้กัมพูชา แต่ยังมีหน้ามาบอกว่าพื้นที่เป็นของไทย ซึ่งมันไม่ใช่" นายนพดล กล่าว

อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะที่เจตนาของตนเองที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมฯ ในช่วงระยะที่รับช่วงมาจากรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และมีเวลาแค่ 5 เดือนในการพิจารณาก่อนที่คณะกรรมการมรดกโลกจะประชุมและมีมติให้เฉพาะตัวประสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาเท่านั้น โดยไม่รวมพื้นที่ทับซ้อน เป็นการปกป้องพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. ไม่ให้กัมพูชารวมไปขึ้นทะเบียนพร้อมปราสาทพระวิหารด้วยในปี 51 และการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในปี 51 ไม่ได้มีการนำแถลงการณ์ไปพิจารณาขึ้นทะเบียนด้วย เนื่องจากศาลปกครองของไทยมีคำสั่งคุ้มครองไม่ให้ใช้ประโยชน์จากแถลงการณ์ร่วมฯ

"เห็นได้ชัดว่านายกฯไม่ได้พูดความจริง และที่ไปแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊ค เป็นการพูดที่ชุ่ยๆ ไม่รับผิดชอบ ตราบใดที่ยังมากล่าวหากันแบบนี้ แกว่งเท้าหาเสี้ยน แต่ไม่เจอเสี้ยนแต่จะเจอปังตอกลับไป ดังนั้นขอเรียกร้องให้นายกฯชี้แจงท่าทีของตัวเองให้ชัดเจนที่ระบุจะยึดแนวสันปันน้ำทั้งหมด หรือยึดตามแผนที่แอล 7017 ที่รวมตัวประสาทและพื้นที่ใต้ประสาทว่าจะยึดอะไรกันแน่" นายนพดล กล่าว

หากนายกฯ ยืนยันจะยึดแนวสันปันน้ำทั้งหมด ตนเองอยากถามต่อว่าทำไมเมื่อปี 41 ไปทำแผนที่ตัดปราสาทพระวิหารออกไป ถ้านายกฯตอบว่าที่พูดหมายถึงสันปันน้ำแล้วทำไมไปทำแผนที่ตามพระราชกฤษีกายกพื้นที่ใต้ปราสาทให้เขาไปด้วยแล้วมาบอกว่าพื้นที่ใต้ปราสาทยังเป็นของไทย ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ไปคิดค่าเช่าจากทางกัมพูชาหรือไม่ หรือสั่งให้กระทรวงต่างประเทศเปลี่ยนท่าทีกับทางกัมพูชาหรือไม่ ซึ่งเส้นเขตแดนไทยจะต้องเป็นเส้นแนวสันปันน้ำทั้งหมด และบอกว่าประสาทพระวิหารมันตั้งอยู่ในขอบเขตประเทศไทย

"หากจะขอขึ้นทะเบียนร่วมก็ขอให้สั่งกระทรวงทรัพย์ฯ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมไปทำเอกสาร เพื่อขอยื่นเรื่อง ส่วนกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯระบุว่าการทำบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูการสำรวจและการปักปันเขตแดนทางบกหรือเอ็มโอยู 43 จะทำให้ไทยเสียพื้นที่ 1.5 ล้านไร่ที่เป็นพื้นที่ระวางดงรักษ์ทำให้ไทยเสียเปรียบอีกหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ต้องให้ความชัดเจนในเรื่องนี้ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯก็ควรเรียกร้องให้เป็นไปตามกรอบ อย่าบุกไปทำนาในทำเนียบรัฐบาลอีก อย่าไปบุกในพื้นที่ทับซ้อน เพราะมีการวางกับระเบิดอยู่มาก" นายนพดล กล่าว

อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเห็นด้วยและชื่นชมนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ที่บอกว่าเรื่องนี้ทุกฝ่าย ทุกพรรคต้องช่วยกัน เพราะเป็นเรื่องปกป้องอธิปไตยของประเทศ อย่านำเรื่องนี้มาเล่นเป็นการเมือง ขอให้นายอภิสิทธิ์ดำเนินการเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งคณะกรรมการที่มาจากทุกสี ทุกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมที่จะพิจารณา เพื่อป้องกันปลุกกระแสคลั่งชาติ

"อย่าหาเศษหาเลยทางการเมืองกับเรื่องนี้ เมื่อตกผลึกแล้วก็นำไปคุยกับกัมพูชา จะทำให้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ทั้งฝ่ายค้านและผมยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อให้ความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศกลับมาเหมือนเดิม ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก ยกเว้นนายกฯว่ามาก็ต้องสวนไปเรื่อยๆ เพราะไม่ชอบโดนป้ายอุจจาระจากพรรคประชาธิปัตย์เหมือนกัน" นายนพดล กล่าว

โดยเร็วๆ นี้ ตนเองจะออกหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊คเรื่องมหากาพย์ประสาทพระวิหารที่มีเอกสารหลักฐานทางราชการประกอบด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ