นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ในการคณะรัฐมนตรีครั้งก่อนได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปเจรจากับสถาบันการเงินกลุ่มธนาคารพาณิชย์ให้กำหนดประเด็นกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศไว้ในสัญญาสินเชื่อ สัญญาค้ำประกัน และสัญญาทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อเพื่อใช้ในการลงทุนดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ให้เป็นการใช้อนุญาโตตุลาการในไทยและจัดทำสัญญาเป็นภาษาไทยนั้น
ในครั้งนี้ทางกระทรวงการคลังได้รายงานว่า ธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นผู้ให้กู้สำหรับโครงการดังกล่าวได้ไปเจรจาแล้ว แต่ไม่สามารถใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในประเทศไทยและใช้ภาษาไทยได้ เนื่องจากคู่สัญญามีสัญชาติต่างกัน, ในส่วนของธนาคารที่ให้การสนับสนุนการเงินอาจแบ่งสัดส่วนการให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงินที่อยู่ต่างประเทศ, สกุลเงินกู้และการป้องกันความเสี่ยงมีทั้งสกุลเงินบาทและสกุล US ดอลลาร์, สัญญาการให้การสนับสนุนดังกล่าวจัดทำเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้น การทำอนุญาโตตุลาการในกรณีของโรงไฟฟ้าหงสาจึงจำเป็นต้องทำเป็นภาษาอังกฤษ และเป็นอนุญาโตตุลาการของต่างประเทศ
อนึ่ง ธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสิน ได้ร่วมกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) และธนาคารทหารไทย (TMB) อนุมัติสินเชื่อระยะยาว Syndicated Loan ให้กับ Hongsa Power Company Limited (HPC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนใน สปป.ลาว เพื่อใช้ในการลงทุนดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าหงสาลิกไนต์ใน สปป.ลาว วงเงินรวมใน Tranche A จำนวน 63,000 ล้านบาท และใน Tranche B จำนวน 930 ดอลลาร์สหรัฐ โดย บมจ. ธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสินได้รับการจัดสรรวงเงินในการให้สินเชื่อครั้งนี้แห่งละ 10,500 ล้านบาท