สหรัฐปฏิเสธคำข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดีเนจ๊าด แห่งอิหร่าน ที่ต้องการจัดเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ พร้อมตอกกลับว่า อิหร่านควรจริงจังต่อการแก้ปัญหาเรื่องความกังวลของประชาคมโลกที่มีต่อโครงการนิวเคลียร์มากกว่านี้
"เราพร้อมเสมอที่จะเปิดโต๊ะเจรจาด้านโครงการนิวเคลียร์กับอิหร่าน หากอิหร่านจริงจังกับประเด็นนี้ ทว่าทุกวันนี้อิหร่านมิได้มีทีท่าที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจัง" โรเบิร์ต กิบบ์ส โฆษกทำเนียบขาว กล่าว
สำนักข่าว IRNA รายงานว่า ผู้นำอิหร่านประกาศความพร้อมที่จะจัดการเจรจาแบบเผชิญหน้ากับโอบามาเกี่ยวกับประเด็นระดับโลกต่อหน้าสื่อมวลชนในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่กำลังจะมาถึง ในขณะที่สหรัฐกำลังเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรในโครงการอิหร่านมากขึ้น
โดยคณะทำงานของโอบามาประกาศคว่ำบาตรบริษัท 21 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยธนาคาร วาณิชธนกิจ และบริษัทด้านเทคโนโลยี ที่ต้องสงสัยว่าดำเนินงานภายใต้การควบคุมของรัฐบาลอิหร่าน
ทั้งนี้ สหรัฐและชาติพันธมิตรตะวันตกกังวลว่าอิหร่านอาจเร่งเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมที่จำเป็นต่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว พร้อมทั้งยืนกรานว่า รัฐบาลพัฒนาโครงการนิวเคลียร์เพื่อวัตถุประสงค์ในทางสันติเท่านั้น
ขณะเดียวกัน คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐพยายามดำเนินยุทธศาสตร์แบบคู่ขนานในกระตุ้นให้ประชาคมโลกร่วมกดดันให้ผู้นำอิหร่านตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงท่าทีและการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งหลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติฉบับที่ 1929 ให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านในเดือนมิ.ย. ก็เริ่มมีหลายประเทศใช้นโยบายคว่ำบาตรอิหร่านมากขึ้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน