นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ของกัมพูชา ได้ส่งหนังสือถึงนายอาลี อับดุสซาลัม ประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ และนายวิทาลี เชอร์กิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติคนละฉบับ เพื่อชี้แจงท่าทีของกัมพูชาต่อประเด็นปราสาทพระวิหาร
ฮุนเซนระบุว่า ประเทศไทยละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 2.3 และ 2.4 อย่างชัดเจน ด้วยการขู่ที่จะใช้กำลังทหารกับกัมพูชาเพื่อยุติปัญหาชายแดน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ถ้อยแถลงของนายกฯกัมพูชามีขึ้น หลังจากที่มีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีของไทยขู่ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 ระหว่างสองประเทศ และอาจใช้วิธีทางการทหารเพื่อแก้ปัญหาชายแดนกับกัมพูชา
อย่างไรก็ดี ในระหว่างการจัดรายการพิเศษเรื่องปราสาทพระวิหาร เมื่อช่วงสายถึงบ่ายวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไทยจะไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เหตุยังเป็นประโยชน์ต่อไทย
โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวถึงข้อกังวลที่ว่า บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือเอ็มโอยู 2543 ไปยอมรับแผนที่ของกัมพูชาและจะทำให้ไทยเสียดินแดนนั้น นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า เอ็มโอยูปี 2543 ไม่ได้ไปยอมรับแผนที่ดังกล่าว แต่ทำขึ้นมาเพื่อต้องการให้สำรวจและจัดทำหลักเขตแดน โดยระหว่างนั้นยังห้ามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปครอบครองหรือทำอะไรในพื้นที่พิพาทเพิ่มเติม และเมื่อจัดทำหลักเขตแดนแล้ว ยังต้องมาดูอีกทีว่า เราจะยอมรับเขตแดนดังกล่าวหรือไม่ เพราะต้องรายงานต่อรัฐสภาด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เอ็มโอยู 2543 มีข้อดีตรงที่ห้ามฝ่ายไหนรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่พิพาท หากใครเข้าไปก็สามารถประท้วงได้ นอกจากนี้ เอ็มโอยูปี 2543 ยังสามารถระงับไม่ให้กัมพูชาส่งแผนที่ต่อคณะกรรมการมรดกโลกได้ เพราะยังปักปันเขตแดนไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเรื่องนี้ทางฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการมรดกโลกก็ยอมรับว่า กัมพูชายังไม่สามารถส่งแผนที่ได้
"ผมไม่ยกเลิก เพราะมีประโยชน์ แต่ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนที่บอกว่าจะถอนตัวจากภาคีมรดกโลก ไม่ต้องห่วงรัฐบาลจะทำสิ่งที่เป็นประโยชน์" นายอภิสิทธิ์ กล่าวระหว่างการจัดรายการพิเศษเพื่อชี้แจงกรณีเขาพระวิหารและเขตแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางช่อง 11 โดยร่วมพูดคุย ระหว่างฝ่ายรัฐบาล และ ภาคประชาชน ซึ่งใช้เวลากว่า 3 ชม. ในระหว่างเวลา 11 -13 น.