นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เผยนัด 17 แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ฟังคำสั่งในคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) สั่งฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215 และ 216 ฐานพูดจายุยงปลุกปั่น ปลุกระดม ชักจูงใจ หรือใช้ผู้ร่วมชุมนุมฝ่าฝืน หรือกระทำผิดกฎหมายจนเกิดความวุ่นวายปั่นป่วน ส่งให้กับนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในวันที่ 29 พ.ย.นี้
"วันนี้อธิบดีดีเอสไอนำสำนวนมามอบให้อัยการ ซึ่งอัยการรับสำนวนไว้แล้ว ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีนี้ไม่ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพราะติดสมัยประชุมสภา ทั้งนี้อัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้" นายธนพิชญ์ กล่าว
สำหรับคดีก่อการร้ายซึ่งมีผู้ต้องหา 1 รายคือ นายสมชาย ไพบูลย์ ที่ครบกำหนดฝากขังผลัดสุดท้าย วันที่ 20 ส.ค.นี้ พนักงานอัยการมีเวลาพิจารณาสำนวนอีก 3 วัน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถมีความเห็นสั่งคดีได้ทันก่อนครบกำหนดฝากขังผลัดสุดท้ายแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีข่าว นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม มีหนังสือแจ้งพนักงานอัยการให้เร่งรัดการดำเนินคดีนั้น อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวปฏิเสธว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมี รมว.ยุติธรรม คนใดส่งหนังสือเร่งรัดการดำเนินคดีต่างๆ มายังสำนักงานอัยการ แต่อัยการยืนยันตามแนวทางเดิมมาโดยตลอดว่า การพิจารณาสั่งคดีต้องอยู่บนพื้นฐานพยานหลักฐานที่ปรากฏเท่านั้น
ขณะที่นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่ม นปช.และนายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว พร้อมด้วยนายคารม พลทะกลาง ทนายความ ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมให้การปฏิเสธ
นายคารม กล่าวว่า ยื่นคำร้องต่ออัยการเพื่อแก้ข้อกล่าวหาใน 2 ประเด็น คือ การชุมนุมดังกล่าวเป็นไปด้วยความสงบ และผู้ต้องหาที่เป็น ส.ส.ทำหน้าที่ประสานงานให้ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมเดินทางกลับภูมิลำเนาเท่านั้น พร้อมทั้งเตรียมพยานไว้อีก 124 ปาก เพื่อขอให้อัยการทำการสอบสวนเพิ่มเติม