นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า รัฐบาลควรใช้มาตรการการแจ้งเตือนไปยังกัมพูชาให้ออกไปจากพื้นที่ที่ทั้ง 2 ประเทศอ้างสิทธิ ภายในระยะเวลา 10-15 วัน หากฝ่ายกัมพูชาไม่ดำเนินการนำชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ ก็ควรใช้มาตรการทางทหารด้วยการระดมยิงปืนใหญ่ใส่ถนนที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร
โดยยืนยันว่ามาตราการทางทหารดังกล่าวไม่ได้ต้องการให้เกิดสงครามระหว่างประเทศ เนื่องจากถนนไม่ใช่เขตชุมชน การจัดการเส้นทางที่กัพูชาบุกรุกในดินแดนไทย ถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยก็เคยใช้มาตรการดังกล่าวกับพื้นที่เนิน 491 บริเวณชายแดนไทย-พม่า มาแล้วและได้ผลเป็นอย่างดี
"พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรที่ผ่านมา กัมพูชาไม่เคยแสดงสิทธิครอบครอง แต่เมื่อศาลโลกมีคำพิพากษาให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา สมเด็จฮุน เซ็น นายกฯ กัมพูชา ก็มาขยายผลต่อ โดยอ้างเป็นพื้นที่ของตัวเอง อีกทั้งยังข่มขู่ คุกคามประเทศไทยตลอดเวลา ในขณะที่ฝ่ายไทยเป็นประเทศใหญ่กว่าแต่อ่อนแอเกินเหตุ น่าอับอายเพราะโดนประเทศกัมพูชาข่มขู่มาตลอด ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ใช่ไทยจะมองเห็นเพียงความสัมพันธ์กัมกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว แต่กัมพูชาต้องมีความสัมพันธ์กับไทยด้วย ไม่ใช่แย่งประสาทพระวิหารไปจาคนไทย แล้วยังมาขยายเอาพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรอีก" นายไพบูลย์ กล่าว