นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายฯ ระบุกรณีที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติไม่รับอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวนั้นไม่ได้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ซึ่งหลังจากอดีตนายกรัฐมนตรีได้รับทราบมติดังกล่าวรู้สึกว่าตัวเองและครอบครัวไม่ได้รับความยุติธรรม และถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะคดีดังกล่าวเป็นผลพวงมาจากการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ที่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) เป็นผู้เริ่มกระบวนการยึดทรัพย์
"เรารู้สึกผิดหวัง เพราะตั้งแต่มีการยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองมาโดยตลอด ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวจะเดินหน้าแสวงหาความยุติธรรมต่อไป ส่วนจะเป็นวิธีไหนนั้นทีมกฎหมายกำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาช่องทางที่จะดำเนินการต่อไป" นายนพดล กล่าว
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติไม่รับคำร้องอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ฯ ด้วยมติ 103 ต่อ 4 เสียง เนื่องจากเห็นว่าหลักฐานที่ฝ่ายผู้ตกคำพิพากษาเสนอมาไม่ใช่หลักฐานใหม่
ที่ปรึกษากฎหมายฯ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยากเห็นความปรองดองของคนในชาติ และการหันหน้ามาพูดคุยกัน ไม่อยากเห็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่ความปรองดองดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีความยุติธรรมให้กับทุกคน
ที่ปรึกษากฎหมายฯ ยอมรับว่า เมื่อมีมติที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาออกมาเช่นนั้นก็ถือว่าคดีสิ้นสุดแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสในเวทีอื่นๆ ส่วนกรณีที่มีผู้พิพากษาเพียง 4 เสียงลงมติให้รับอุทธรณ์ในคดีดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นจำนวนน้อย แต่เป็นเรื่องที่ได้รับการพิจารณาจากผู้พิพากษาเหล่านั้น