นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)ไม่ขัดข้องที่จะให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมศึกษาประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำข้อตกลงระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจะมีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้
อนึ่ง รายงานข่าวก่อนหน้านี้ระบุว่ากระทรวงการต่างประเทศเตรียมจะรายงานผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) 3 ฉบับ ได้แก่ บันทึกการประชุมสมัยวิสามัญที่เมืองเสียมราฐ ปลายปี 51 และบันทึกการประชุมครั้งที่ 4 ที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือน ก.พ.52 และบันทึกการประชุมเจบีซีสมัยวิสามัญ ที่กรุงพนมเปญ เมื่อเดือนเม.ย.52
ขณะที่เครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติเรียกร้องให้ถอนเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วตามระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 ออกจากระเบียบวาระการประชุมร่วมรัฐสภา และขอให้ระงับขบวนการพิจารณาใดๆอันมีผลในการแบ่งแยกราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ทำตามหลังการเคลื่อนไหวของทางกัมพูชาแทนที่จะเดินหน้าในเชิงรุก แต่ต้องยอมรับว่าทางกัมพูชาอาจจะรู้สึกว่าได้รับผลกระทบ เพราะทางฝ่ายไทยไม่สามารถพิจารณาได้ในทันการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกปีนี้ ทำให้เรื่องการเจรจาเกี่ยวกับการปักปันเขตแดนอาจจะต้องยืดยาวออกไป ประกอบกับ ทางกัมพูชาอาจจะกังวลว่าไทยจะใช้กำลังในพื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งหน้าที่ของทางรัฐบาลก็จะพยายามทำความเข้าใจตามข้อเท็จจริง
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไปประสานกับฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภา เพื่อพิจารณากรอบเจรจาสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา ภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา และกลไกอื่นๆ ภายใต้กรอบนี้ ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา วันพรุ่งนี้
“หากรัฐสภาให้การรับรองกรอบเจรจาดังกล่าวจะทำให้การทำงานคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา(JBC) ดำเนินการต่อไปได้ ยืนยันว่ากรอบการเจรจาที่จะพิจารณาในวันพรุ่งนี้ ไม่มีเรื่องการยอมรับแผนที่สัดส่วน 1:200,000 ตามที่นักวิชาการบางคนเข้าใจ”นายปณิธาน กล่าว