กระทรวงกลาโหมสหรัฐ หรือ เพนตากอน รายงานว่า จีนมีเป้าหมายในการขยายขีดความสามารถทางทหารในภูมิภาคตะวันออก ทะเลจีนใต้ และ พื้นที่ใกล้เคียง เพิ่มขึ้น
โดยรายงานประจำปีต่อรัฐสภาสหรัฐของเพนตากอนเกี่ยวกับกำลังทหารของจีน ระบุว่า "จีนได้พัฒนากองทัพสมัยใหม่พร้อมแสนยานุภาพที่สามารถขยายการปฏิบัติภาระกิจครอบคลุมภูมิภาคตะวันออกไกล ทะเลจีนใต้ มหาสมุทรอินเดียและหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก"
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกระทรวงกลาโหมสหรัฐกล่าวถึงการปฏิบัติภารกิจของเรือรบของจีนใกล้กับหมู่เกาะโอกินาวาของญี่ปุ่นในเดือนเมษายนว่า "เราอาจได้เห็นปฏิบัติการในลักษณะนี้บ่อยขึ้นในอนาคต เนื่องจากกองทัพเรือของจีนมีขีดความสามารถในการปฏิบัติภาระกิจทางไกลเพิ่มขึ้น และจีนมีแนวโน้มที่จะพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพให้ไกลกว่าชายฝั่งทะเลของประเทศ"
รายงานของเพนตากอนระบุว่า อุตสาหกรรมต่อเรือภายในประเทศของจีนจะสามารถผลิตเรือบรรทุกเครื่องบินรบโดยใช้เทคโนโลยีของตนเองได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ เพนตากอนระบุว่า จีนมีงบประมาณทางทหารทั้งสิ้น 1.5 แสนล้านดอลลาร์ พร้อมแสดงความกังวลที่จีนขยายอิทธิพลเหนือหมู่เกาะไต้หวัน โดยเพนตากอน กล่าวว่า ถึงแม้ว่าจีนและไต้หวันจะมีความก้าวหน้าในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการค้าในปี 2552 แต่อิทธิพลกองทัพจีนเหนือหมู่เกาะไต้หวันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"กองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีนกำลังพัฒนาแสนยานุภาพเพื่อขัดขวางการประกาศเอกราชของไต้หวันหรืออิทธิพลของไต้หวันในการระงับข้อพิพาทกับประเทศจีนในขณะที่เป็นการขัดขวาง ชะลอ หรือปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือแก่ไต้หวันจากสหรัฐในกรณีที่เกิดข้อพิพาทโดยอัตโนมัติ" รายงานกล่าว พร้อมเน้นว่า "ความสมดุลย์ของกองกำลังในช่องแคบเริ่มมีความเอนเอียงไปทางแผ่นดินใหญ่" ซึ่งเป็นการเพิ่มความตรึงเคลียดให้แก่กองกำลังของไต้หวันมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เพนตากอนยังระบุว่า ความไม่โปร่งใสในกองทัพจีนและความมั่นคงอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนและการเข้าใจผิดรวมทั้งการประเมินที่ผิดพลาดได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดความกังวลว่าจีนจะใช้แสนยานุภาพของกองทัพไปในทิศทางใด สำนักข่าวเกียวโดรายงาน