ส.ส.พรรคเพื่อไทย(พท.) ยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการถอดถอนนายกรัฐมนตรีกับพวก กรณีปล่อยข่าวการซื้อคืนดาวเทียมไทยคมจนส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น บมจ.ไทยคม(THCOM) ให้ปรับตัวสูงขึ้นเกิดจริงในเวลาอันรวดเร็ว
"ราคาหุ้นที่ต่ำและสูงขึ้นของหุ้นไทยคมนั้น ผมตรวจสอบแล้วพบว่า 3 วันก่อนให้ข่าวมีระดับการซื้ออยู่ในขั้นสูง โดยซื้อและเก็บไว้รอจังหวะที่รัฐบาลปล่อยข่าวว่าจะซื้อคืนดาวเทียมไทยคม เมื่อวันที่รัฐบาลประกาศก็พบว่ามีระดับการขายอยู่ในขั้นสูงเช่นกัน ผมเชื่อแน่ว่ามีกลุ่มบุคคลที่ได้ประโยชน์ คือรับรู้ข้อมูลระดับอินไซเดอร์ล่วงหน้า แต่การตรวจสอบยังไม่พบว่าเป็นบุคคลระดับนักการเมืองหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางพรรคเพื่อไทยได้ยื่นเรื่องให้ ก.ล.ต.ช่วยตรวจสอบบ้างแล้วแต่ยังไม่มีรายละเอียดเผยแพร่ออกมา" นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรค พท.กล่าว
ทั้งนี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้เข้าชื่อยื่นหนังสือต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อให้มีมติถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายกรณ์ จติกวณิช รมว.คลัง และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า นายอภิสิทธิ์ นายกรณ์ และนายศิริโชค มีพฤติกรรมที่ส่อถึงการใช้อำนาจที่ขัดรัฐธรรมนูญ รวมถึงกฎหมาย อีกทั้งไม่มีจริยธรรมของผู้บริหารกรณีเปิดเผยข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะว่ารัฐบาลไทยจะซื้อคืนดาวเทียมไทยคมโดยไม่มีเจตนาซื้อจริง ซึ่งเข้าข่ายในลักษณะของการปั่นหุ้น และจากการตรวจสอบไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ถึงการซื้อ-ขาย หุ้นไทยคมช่วงก่อนรัฐบาลให้ข่าว พบว่า หุ้นมีราคา 5 บาท และภายหลังข่าวการซื้อคืนดาวเทียมเผยแพร่ออกไปทำให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น 7-8 บาท
ด้านนายประสพสุข กล่าวว่า หลังจากนี้จะให้ทางสำนักเลขานุการวุฒิสภาตรวจสอบรายชื่อ คาดว่า ภายในวันที่ 25 ส.ค.นี้จะสามารถตรวจสอบรายชื่อได้เสร็จเรียบร้อยและยื่นเรื่องดังกล่าวไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) พิจารณาต่อไป
สำหรับหนังสือที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นต่อประธานวุฒิสภานั้นมีสาระสำคัญว่า นายอภิสิทธิ์ นายกรณ์ และนายศิริโชค มี พฤติกรรมปล่อยข่าวอันเป็นเท็จต่อสาธารณะ โดยใช้อำนาจทางราชการไปโดยมิชอบ ดังนี้ 1.ได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จว่าจะซื้อดาวเทียมไทยคมทั้งที่ไม่มีเจตนาจะซื้อจริง ทำให้หุ้น THCOM มีราคาสูงขึ้นจนมีการซื้อขายหุ้นในปริมาณและราคาที่สูงขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 240(การปั่นหุ้น)
2.การซื้อคืนดาวเทียมไทยคมนั้นไม่อยู่ในนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา และไม่ระบุไในแผนการบริหารราชการแผ่นดิน อีกทั้งนายศิริโชคเป็นเพียง ส.ส.ไม่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน ถือว่าเข้าไปก้าวก่ายการทำหน้าที่บริหาร ซึ่งถือว่าบุคคลทั้ง 3 ปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154
3.นายอภิสิทธิ์ นายกรณ์ และนายศิริโชค ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใส จึงถือเป็นพฤติกรรมที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 122,123,175 และ 178 และ 4.การเผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จถือว่ามีความผิดต้องได้รับโทษทางอาญาตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 240 และ มาตรา 296 จึงเข้าข่ายเป็นการกระทำที่อาจถูกถอดถอนจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270