นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย จะยื่นถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายกรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการซื้อดาวเทียมไทยคมว่า เป็นสิทธิที่สามารถจะดำเนินการได้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ต้องใช้ความรอบคอบในการกล่าวหาผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่กลับมีการพาดพิงและพยายามเชื่อมโยง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่มีกระแสข่าวที่รัฐบาลมีความคิดจะซื้อกิจการดาวเทียมไทยคมมาเป็นสมบัติชาติ จุดเริ่มต้นไม่ได้มาจากคนฝ่ายรัฐบาล แต่พรรคเพื่อไทยพยายามสร้างกระแสว่ามีการปั่นหุ้น โดยมีคนอักษรย่อ ก. และ ศ.ได้ประโยชน์ เป็นเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเลือกตั้ง และมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวในคณะกรรมาธิการของสภาฯ ซึ่งผู้ที่ปูดเรื่องดังกล่าวก็ไม่สามารถอธิบายข้อเท็จจริงและยืนยันถึงตัวผู้ได้ประโยชน์จากการปั่นหุ้มตามที่กล่าวหาได้
นายเทพไท กล่าวว่า การออกมาสร้างกระแสดังกล่าวของพรรคเพื่อไทย กลับทำให้หุ้นไทยคมร่วงลงมาอย่างรุนแรง ซึ่งอาจจะทำให้คนปูดข่าวเรื่องนี้ มีความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 มาตรา 240 และ 296 ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝ่ายเกี่ยวข้องจะต้องดูข้อเท้จจริงว่า สามารถกล่าวโทษร้องทุกข์ใหักับบุคคลใดที่เป็นตัวการทำให้หุ้นร่วงลงมาจนได้รับความเสียหาย
"อยากเตือนคนในพรรคเพื่อไทยว่า ที่หยิบเรื่องดังกล่าวมาเล่นงานนายกฯ อาจจะย้อนกลับเป็นบูมเมอแรง ย้อนเข้าหาตัวเองในภายหลังก็ได้ เพราะฉะนั้นการที่ ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาเป็นนายหน้ายื่นถอดถอนครั้งนี้ ไม่อยากให้มาแย่งหน้าที่ของนายพร้อมพงศ์ ที่รับบทบาทใช้ซองสีน้ำตาลไปยื่นตามหน่วยงานต่างๆ" นายเทพไท กล่าว